คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภรรยาได้ร่วมกันทำการค้าที่ดิน โดยซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาจัดสรรแบ่งขายเป็นที่ดินแปลงเล็ก เมื่อแบ่งแล้วลงชื่อภรรยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งหมดย่อมถือว่าเป็นสินบริคณห์ ดังนี้เมื่อสามีทำสัญญาจะขายที่ดินที่จัดสรรดังกล่าวให้ผู้จะซื้อไปโดยภรรยาไม่ได้ลงชื่อในสัญญาจะซื้อขายด้วย ภรรยาก็ต้องถูกผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1473 วรรคต้น ประกอบด้วยมาตรา 1468 ทั้งได้ความด้วยว่าภรรยาเคยยินยอมให้สามีขายที่ดินที่จัดสรรทำนองนี้มาแล้วด้วยภรรยาจึงปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ได้เข้าหุ้นส่วนซื้อที่ดินแล้วจัดสรรขาย จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินจัดสรรแก่โจทก์ ๑ แปลง โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่จำเลยเรื่อยมา จนเหลืองวดสุดท้าย โจทก์ได้ติดต่อให้จำเลยทั้งสองไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ได้จัดสรรที่ดินขายให้แก่โจทก์ตามฟ้องแต่ที่ดินที่จะขายนี้ลงชื่อจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จำเลยที่ ๑พร้อมที่จะโอนให้โจทก์ แต่จำเลยที่ ๒ ไม่ยินยอม โจทก์ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ ๑แต่ได้แยกกันอยู่ก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะได้ทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์ จำเลยที่ ๒มิได้เข้าหุ้นกับจำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดิน จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาโดยมิได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากจำเลยที่ ๒ สัญญาจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแก่โจทก์ หากไม่ไป ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนเจตนา
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้โจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแก่จำเลยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ในปัญหาที่ว่า จำเลยที่ ๒ จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยที่ ๑ ผู้เดียวเป็นผู้ลงชื่อเป็นคู่สัญญากับโจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ร่วมกันทำการค้าที่ดินโดยซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาจัดสรรแบ่งขายเป็นที่ดินแปลงเล็ก เมื่อแบ่งแยกแล้วลงชื่อจำเลยที่ ๒ ผู้เดียวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งหมดเหล่านั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นสินบริคณห์ เมื่อจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นสามีทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยภรรยาไม่ได้ลงชื่อในสัญญาจะซื้อขายด้วย ภรรยาก็ต้องถูกผูกพันตามสัญญาจะซื้อขายนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๓ วรรคต้นประกอบด้วยมาตรา ๑๔๖๘ ยิ่งกว่านั้นยังได้ความอีกว่าจำเลยที่ ๒ เคยยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ขายที่ดินที่จัดสรรทำนองนี้มาแล้วด้วย จำเลยที่ ๒ จะปฏิเสธความรับผิดย่อมไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลยที่ ๒ ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๓๐๐ บาท แทนโจทก์

Share