คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนจนกว่าจะทราบผลที่สุดของคดีแพ่งของศาลชั้นต้น และให้จำหน่ายคดีชั่วคราว โดยได้สั่งไว้ด้วยว่าเมื่อคดีแพ่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงต่อศาลเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปภายใน 1 เดือน นับแต่คดีถึงที่สุด คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีโดยเด็ดขาด เพียงแต่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เป็นคำสั่งที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไปแต่อย่างใด จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างการพิจารณาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 91, 177, 180, 264, 266
ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนมูลฟ้อง
ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 585/2542 ของศาลชั้นต้นที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นมูลคดีที่ทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และคดีแพ่งดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาสืบพยานของศาลชั้นต้น ยังไม่ถึงที่สุด หากรอฟังผลคดีแพ่งดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้ จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ไว้ชั่วคราว
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนจนกว่าจะทราบผลที่สุดของคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 585/2542 ของศาลชั้นต้นและให้จำหน่ายคดีชั่วคราว โดยได้สั่งไว้ด้วยว่า เมื่อคดีแพ่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงต่อศาลเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปภายใน 1 เดือน นับแต่คดีถึงที่สุด คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีโดยเด็ดขาด เพียงแต่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเป็นคำสั่งที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไปแต่อย่างใด จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ชอบ ไม่มีผลให้โจทก์มีสิทธิฎีกา แม้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์มา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 และยกฎีกาของโจทก์

Share