คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มัสยิดซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลนั้น เมื่อกรรมการมัสยิดซึ่งกฎหมายบัญญัติให้มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของมัสยิดได้ลงมติให้ดำเนินคดีกับจำเลยซึ่งอยู่ในที่ดินของมัสยิด เจ้าหน้าที่บริหารของมัสยิดอันได้แก่อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่นก็ย่อมดำเนินการแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีในนามของมัสยิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมัสยิดซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เดิมนางมณี พิทักสุข เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถว ต่อมานางมณีตายจำเลยซึ่งเป็นน้องและบุตรนางมณีไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไปขอให้ขับไล่
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ต่อสู้อ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนบ้านและออกไปจากที่ดินพร้อมบริวาร และส่งคืนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาว่า ผู้ที่ลงชื่อให้ฟ้องคดีมา ๓ คนไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนี้ผู้ที่จะฟ้องได้คือคณะกรรมการมัสยิดซึ่งมีอยู่ถึง ๑๕ คนด้วยกัน ทั้งจะถือว่าผู้ฟ้อง ๓ คนนี้ทำแทนคณะกรรมการที่ลงมติใช้มาฟ้อง ก็ยังรับฟังไม่ได้เพราะไม่ได้ส่งหลักฐานการประชุมของคณะกรรมการนั้น หรือมีหนังสือมอบอำนาจของคณะกรรมการนั้นมาแสดงต่อศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ที่ลงนามแต่งตั้งทนายให้มาทำการฟ้องคดีนี้ในนามของมัสยิดอัสสละฟิยะฮ์ผู้เป็นโจทก์นั้น คือ นายยุทธ มั่นใจอารย์ นายสนิท เจตนาดี และนายเต็น สาโรวาท ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นอิหม่ามคอเต็บ และบิหลั่นของมัสยิดโจทก์นั้นเอง และปรากฏตามคำเบิกความของนายเต็น สาโรวาท ผู้เป็นบิหลั่นของมัสยิดโจทก์เบิกความต่อศาลว่ากรรมการของมัสยิดโจทก์ได้ลงมติให้ฟ้องคดีนี้ด้วยแล้ว จึงได้ดำเนินการฟ้องจำเลยต่อศาล ซึ่งศาลล่างได้ฟังมาแล้วว่าคณะกรรมการมัสยิดโจทก์ลงมติให้ดำเนินการฟ้องคดีดังที่ทนายโจทก์ได้ทำการฟ้องคดีนี้ให้แล้วกรณีจึงหามีความจำเป็นที่จะต้องส่งหลักฐานการประชุมของคณะกรรมการมัสยิดหรือมีหนังสือมอบอำนาจของคณะกรรมการมาแสดงต่อศาลเสียก่อนด้วย ดังที่จำเลยยกขึ้นคัดค้านนั้นไม่ และตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ ได้บัญญัติว่า กรรมการมัสยิดมีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของมัสยิดซึ่งการฟ้องคดีนี้ก็เป็นการกระทำอย่างหนึ่งในการจัดการทรัพย์สินของมัสยิดนั้นเอง เมื่อกรรมการมัสยิดลงมติให้ดำเนินคดีแก่จำเลยแล้วเจ้าหน้าที่บริหารของมัสยิดอันได้แก่อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่นก็ย่อมดำเนินการแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีในนามของมัสยิดโจทก์ได้ ปัญหาเรื่องว่าลำพังตัวบุคคลผู้เป็นอิหม่ามและคอเต็บกับ บิหลั่นจะฟ้องคดีเองได้หรือไม่เป็นอันไม่ต้องวินิจฉัยในที่นี้
พิพากษายืน

Share