แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ช. คนขับรถขณะที่จำเลยกำลังปลดทรัพย์ผู้เสียหายและคนโดยสารอื่น แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นคนใช้อาวุธปืนยิง ช. ด้วยตนเอง แต่พวกของจำเลยรวมทั้งจำเลยเองก็มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยในการปล้นทรัพย์จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่า พวกของจำเลยอาจใช้อาวุธปืนยิงผู้ใดผู้หนึ่งในรถคันเกิดเหตุหากผู้นั้นขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ เมื่อพวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ช. แต่ ช. ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนไปทำการลักทรัพย์ผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายกำลังโดยสารรถยนต์โดยสารประจำทาง และจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธ บงสุนันท์ เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไปให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและเพื่อให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๘๐, ๘๓, ๒๘๘, ๓๘๘, ๒๘๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔, ๑๕ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน ๓๐,๙๘๐ บาท แก่ผู้เสียหายและริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๙(๖),๘๐, ๘๓, ๓๔๙ วรรคสาม, วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๓๔๐ ตรี การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙(๖) ประกอบมาตรา ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ จำคุกตลอดชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน ๓๐,๙๔๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธคนขับรถขณะที่จำเลยกำลังปลดทรัพย์ผู้เสียหายและคนโดยสารอื่น แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธด้วยตนเอง แต่พวกของจำเลยรวมทั้งจำเลยเองก็มีอาวุธปืนติดตัวมาในการปล้นทรัพย์ จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าพวกของจำเลยอาจใช้อาวุธปืนยิงผู้ใดผู้หนึ่งในรถคันเกิดเหตุหากผู้นั้นขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ฉะนั้นที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธ แต่นายชัยยุทธไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น เพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.