คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความฟ้องคดี และโจทก์ได้ทำการงานสำเร็จแล้ว แม้จะมิได้ตกลงกันในเรื่องสินจ้าง ก็มีสัญญาผูกพันจำเลยที่จะต้องจ่ายสินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่ทำนั้น และการคิดจำนวนสินจ้างในกรณีดังกล่าว จำเป็นต้องตีความสัญญาให้เป็นไปตามความประสงค์ในทางสุจริต โดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์เป็นเงิน60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความฟ้องคดี และไม่เคยตกลงเรื่องค่าจ้างว่าความตามจำนวนที่ฟ้อง สามีจำเลยนำสัญญาก่อสร้างพร้อมด้วยเช็ค 2 ฉบับไปปรึกษานายวัลลภ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนของนายวัลลภจึงไม่มีอำนาจฟ้อง กับต่อสู้ในข้ออื่นอีก

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์ 60,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมจำเลยกับสามีได้ตกลงว่าจ้างนายวัลลภทนายความประจำสำนักงานของโจทก์ซึ่งเคยรู้จักกันมาก่อนให้ฟ้องเรียกค่าจ้างก่อสร้างจากนายธีรวุฒิ โดยไม่เคยตกลงจะให้ค่าจ้างว่าความร้อยละยี่สิบ นายวัลลภได้ดำเนินการเพียงขั้นมีหนังสือทวงถาม ดังปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1แล้วมอบคดีเรียกเงินตามเช็คจำนวน 300,000 บาท ซึ่งมีมูลหนี้เดิมจากค่าจ้างก่อสร้างให้โจทก์ฟ้อง และจำเลยได้ตกลงว่าจ้างให้โจทก์เป็นทนายความต่อไป โดยไม่ได้มีการตกลงว่าจะให้ค่าจ้างว่าความแก่โจทก์ร้อยละยี่สิบเป็นเงิน 60,000 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความฟ้องคดี และโจทก์ได้ทำการงานสำเร็จแล้วถึงแม้จะมิได้ตกลงกันในเรื่องสินจ้าง ก็มีสัญญาผูกพันจำเลยที่จะต้องจ่ายสินจ้าง เพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น ส่วนปัญหาที่ว่าสินจ้างค่าว่าความควรเป็นจำนวนเท่าใดจำเป็นที่จะต้องตีความสัญญาไปตามความประสงค์ในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วย แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า เป็นที่เห็นได้ว่าคดีสำเร็จเสร็จไปโดยไม่มีข้อยุ่งยากตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งกำหนดอัตราค่าทนายความที่ศาลสั่งให้คู่ความใช้แทนกันในศาลชั้นต้นไว้ขั้นสูงเพียงร้อยละ 5 ของทุนทรัพย์ แต่อัตราค่าทนายความดังกล่าว มิได้ห้ามคู่สัญญาที่จะตกลงค่าจ้างว่าความเป็นอย่างอื่น เมื่อพิเคราะห์ถึงความยากง่ายในการดำเนินคดี ประกอบกับการงานที่โจทก์ทำแล้ว เห็นว่า จำเลยควรจะจ่ายค่าจ้างว่าความให้โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์ 20,000บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share