แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับคดีเลือกตั้งตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิ พ.ศ. 2541 นั้น มีได้ 2 กรณี คือ กรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาผู้ใดไม่มีชื่อเป็นผู้สมัครในประกาศของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งผู้สมัครผู้นั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของตนได้ตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแล้ว แต่ต่อมาปรากฏหลักฐานว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้หนึ่งผู้ใด ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งดังกล่าวมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครผู้นั้นได้ตามมาตรา 34/1 วรรคหนึ่ง
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พ. มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รับเลือกตั้งของ พ. ตามที่ผู้ร้องขอให้ตรวจสอบ เป็นคำร้องที่ไม่ต้องด้วยมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และมาตรา 34/1 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 ผู้ร้อง จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำวินิจฉัยได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายและได้ตรวจสอบรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา ๖๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปรากฏว่า พ. ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ ๒ จังหวัดนครพนม เป็นผู้เสียสิทธิทางการเมือง เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควร ผู้ร้องได้ทำหนังสือขอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ ๒ ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ พ. แต่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งดังกล่าวมิได้ดำเนินการสืบสวนสวบสวนและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อมีคำวินิจฉัย เพียงแต่มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่า พ. พ้นจากการถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น จึงขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พ. มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ และการที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ ๒ มิได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยว่า พ. มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่ทำหนังสือตอบแจ้งคุณสมบัติของ พ. ให้ผู้ร้องทราบนั้นถือว่าเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ผู้คัดค้านที่ ๑ ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมาย เหตุที่ผู้คัดค้านไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพราะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ผู้คัดค้านกลับมามีสิทธิเลือกตั้งและสมัครรับเลือกตั้ง มิได้เป็นผู้เสียสิทธิแต่อย่างใด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งมีอำนาจตามกฎหมายที่จะชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งตามที่ผู้ร้องมีหนังสือสอบถาม การดำเนินการของผู้อำนวยการการเลือกตั้งจึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ผู้คัดค้านที่ ๒ ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่เป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ศาลฎีกาไม่มีอำนาจวินิจฉัยคดีนี้ เนื่องจากอำนาจในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ ๒ จังหวัดนครพนม ถือเป็นยุติ พ. มีคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบถ้วนตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับคดีเลือกตั้งตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๔๑ นั้นมีได้ ๒ กรณี คือ กรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาผู้ใดไม่มีชื่อเป็นผู้สมัครในประกาศของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ผู้สมัครผู้นั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของตนได้ตามมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง และกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาแล้ว แต่ต่อมาปรากฏหลักฐานว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้หนึ่งผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ดังกล่าว มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครผู้นั้นได้ตามมาตรา ๓๔/๑ วรรคหนึ่ง การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายไพจิต ศรีวรขาน มีคุณสมบัติและลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ก็ดี และการที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ ๒ จังหวัดนครพนม ไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายไพจิตตามที่ผู้ร้องขอให้ตรวจสอบเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ดี จึงเป็นคำร้องที่ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำวินิจฉัยได้
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง.