คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายต่อหน้าสาธารณชนในร้านอาหารประจักษ์พยานของโจทก์หลายคนต่างก็รู้จักจำเลยเป็นอย่างดีข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดจริงเมื่อถูกฟ้องจำเลยจึงให้การรับสารภาพแสดงให้เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดีหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78ลดโทษให้หนึ่งในสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ไม่ปรากฏว่ามีทะเบียนหรือไม่และกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และพาติดตัวไปในทางสาธารณะในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวยิงจ่าสิบตำรวจชัชวาลย์ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบหัวกระสุนปืนของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

นางเอื้อนมารดาผู้ตายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288เนื่องจากจำเลยเคยรับราชการและอดีตผู้บังคับบัญชารับรองว่าได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัยด้วยความเข้มแข็ง ถือได้ว่าจำเลยมีคุณงามความดีมาก่อนสมควรลงโทษสถานเบาให้จำคุกจำเลย 20 ปี มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72 และ 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิวัติรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี และฐานพกพาอาวุธปืนจำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมทั้งสิ้น23 ปี 4 เดือน จำเบลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและให้การรับสารภาพในชั้นศาล นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษปรานีลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 11 ปี 8 เดือน ริบหัวกระสุนปืนของกลาง

โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายต่อหน้าสาธารณชนในร้านอาหารโจทก์มีประจักษ์พยานรู้เห็นหลายคน แม้จำเลยจะไม่รับสารภาพพยานหลักฐานโจทก์ก็พอฟังลงโทษจำเลยได้ ถือว่าจำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลย 23 ปี 4 เดือนนั้นเหมาะสมกับรูปคดีแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่ลดโทษให้ นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษและลดโทษดังศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจชัชวาลย์ ผู้ตายต่อหน้าสาธารณชนในร้านอาหาร ก่อนจำเลยยิงผู้ตาย จำเลยกับนายสุนทรพยานโจทก์ได้เดินมาต่อว่าผู้ตายเรื่องถ้วยแก้วแตกที่โต๊ะอาหารที่ผู้ตายกับนายเผ่านั่งอยู่ ประจักษ์พยานของโจทก์หลายคนต่างรู้จักกับจำเลยเป็นอย่างดี แม้จำเลยจะไม่รับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็พอฟังลงโทษจำเลยได้ข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำผิดจริงเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยจึงได้ให้การรับสารภาพ แสดงให้เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานนั่นเองแต่อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงยังปรากฏอีกว่า หลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนโดยดีชั้นสอบสวนจำเลบยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่สังเขปที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงมีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้จำเลยฎีกาจำเลยฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้ 15 ปี 6 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share