คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายด่าและตบตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดทำครัวซึ่งยาวทั้งตัวและด้าม 1 คืบแทงผู้ตายไป 1 ทีแล้ววิ่งหนี ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่พอฟังว่า จำเลยได้เล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยว่าผู้ถูกแทงจะถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
จำเลยต่อสู้ในคำให้การว่า ทำโดยป้องกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ศาลก็ยกข้อบันดาลโทสะขึ้นอ้างเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนางสาวอำพร ทองแก้วกุลตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การว่า ใช้มีดแทงไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลย 15 ปี รับสารภาพลด 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 10 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 จำคุกจำเลย 9 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 6 ปี

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ผู้ตายได้ต่อว่าจำเลย จำเลยปฏิเสธ แล้วร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา ผู้ตายได้ด่าแล้วตบจำเลย 3 ที จำเลยจึงใช้มีดทำครัวซึ่งยาวทั้งตัวมีดและด้าม 1 คืบ ที่ถืออยู่แทงผู้ตายไปในขณะนั้น 1 ที แล้ววิ่งหนี ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่พอฟังได้ว่า จำเลยได้เล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยว่าผู้ถูกแทงจะถึงแก่ความตาย คดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จำเลยทำร้ายผู้ตายเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และจำเลยได้แทงผู้ตายโดยเหตุบันดาลโทสะ แม้จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในคำให้การว่าเพื่อป้องกันตัวก็ดี เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ศาลก็ยกขึ้นอ้างเองได้

พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุกจำเลยไว้ 5 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี 6 เดือน

Share