คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยาก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัยอันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉัยว่าเป็น “เคหะ”หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกันเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วยคือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาทเป็น 40 บาทฉบับหนึ่งคือสำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่งเหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การคิดเงินระหว่างหุ้นส่วน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น “เคหะ” อันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย โดยอ้างว่าจำเลยเช่าเพื่อทำการค้า และสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว

จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณามีว่าการที่จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์รายนี้ จะถือว่าตึกนั้นเป็น “เคหะ” อันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่จริงอยู่ในสัญญาเช่าตึกพิพาทลงว่า เช่าเพื่อค้าขายยา แต่ทั้งนี้ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัย อันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉัยว่าเป็น “เคหะ” หรือไม่

ถึงหากจะฟังว่า ฝ่ายจำเลยใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯ ก็ตาม จะให้ถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่งแล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด

ส่วนการที่ต่อมาจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทนั้นได้ความว่าจำเลยเปิดร้านดัดผมที่ห้องชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่างและในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาท 100 บาทต่อเดือน เป็น 40 บาทฉบับหนึ่ง คือสำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้ก็เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับนางสาวมาลี ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดแบ่งเงินระหว่างหุ้นส่วน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะให้ฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น “เคหะ” อันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ โจทก์จะฟ้องขับไล่ไม่ได้

ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share