แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลังและคณะกรรมการรับผิดชอบเก็บรักษาเงินของโจทก์ มีความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เป็นเหตุให้ ส. ยักยอกเอาเงินดังกล่าวของโจทก์อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยและพวกไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่ เคลือบคลุมแต่อย่างใด โจทก์หาจำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงจำนวนเงินนี้โดยละเอียดว่าเป็นค่าอะไรบ้างและแต่ละจำนวนเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์นำสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณาของศาล และจำเลยก็มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดอำเภอโนนไทย ในระหว่างดำรงตำแหน่งดังกล่าว จังหวัดนครราชสีมาได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยเป็นเจ้าพนักงานสุขาภิบาล ทำหน้าที่หัวหน้าส่วนการคลังสุขาภิบาลโนนไทย มีหน้าที่รับเงิน เบิกจ่ายเงิน ฝากเงิน เก็บรักษาเงินและตรวจเงินของสุขาภิบาลโนนไทย นอกจากนี้จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการรับผิดชอบรักษาเงินของสุขาภิบาลโนนไทย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2522เจ้าพนักงานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้ตรวจสอบสืบสวนกรณีการรับเงิน เบิกจ่ายเงิน ฝากเงิน และเก็บรักษาเงินของสุขาภิบาลโนนไทย ปรากฏว่ามีเงินขาดบัญชีไป 258,845.96 บาท เงินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของนางสุนิศาเสมียนตราอำเภอทำหน้าที่สมุหบัญชีสุขาภิบาลโนนไทย ประธานสุขาภิบาลโนนไทย นายชรินทร์และจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลัง และคณะกรรมการรับผิดชอบการเก็บรักษาเงินของสุขาภิบาลโนนไทย ทั้งนี้โดยความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของประธานสุขาภิบาลโนนไทย นายชรินทร์และจำเลย เป็นเหตุให้นางสุนิศายักยอกเงินจำนวนดังกล่าวไป นางสุนิศาหลบหนีไปไม่สามารถเรียกเอาเงินคืนได้ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามีคำสั่งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวนรายงานว่า นายเฉลิมประธานกรรมการสุขาภิบาลโนนไทย นายชรินทร์ปลัดสุขาภิบาลและจำเลยต้องรับผิดชอบในทางแพ่ง เนื่องจากประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาสั่งให้สุขาภิบาลโนนไทยเรียกเงินจากจำเลยและพวก แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ไม่บรรยายให้ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ไม่เข้าใจสภาพ ตำแหน่ง และฐานะที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบ โดยโจทก์ไม่บรรยายว่าเงินที่นางสุนิศายักยอกไปเป็นเงิน 258,845.96 บาท เป็นเงินส่วนไหนของสุขาภิบาลหรือ หน่วยงานเอกเทศอื่น ๆ เงินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ใด การทุจริตของเจ้าหน้าที่กระทำอย่างไร การเบิกจ่ายและถอนเงิน ใครเป็นผู้อนุมัติ การทุจริตเกิดขึ้นกี่ครั้ง ในช่วงระยะเวลาใด แต่ละครั้งเงินถูกยักยอกไปเท่าใด และจำเลยจะต้องรับผิดชอบในส่วนใด ในช่วงระยะเวลาใดเพราะอะไร ข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยไม่อาจทราบได้จากคำฟ้องของโจทก์และต่อสู้ในเรื่องอื่นอีก ขอให้ยกฟ้อง
ในทางพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานได้ 1 ปากแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงได้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ตอนแรกเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดของจำเลย ไม่เคลือบคลุม แต่ฟ้องตอนหลังเกี่ยวกับเงินขาดบัญชีนั้นเคลือบคลุมพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับเงินขาดบัญชีนั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องได้ชัดแจ้งว่า จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลังและคณะกรรมการรับผิดชอบเก็บรักษาเงินของโจทก์ มีความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เป็นเหตุให้นางสุนิศายักยอกเอาเงินดังกล่าวของโจทก์อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยและพวกไปทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามจำนวนส่วนแบ่งเป็นเงิน 86,281.99 บาท ซึ่งโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นว่า เนื่องจากจำเลยมีความบกพร่องและไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นเหตุให้นางสุนิศายักยอกเอาเงินของโจทก์ไปและขอบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงเงินจำนวนนี้โดยละเอียดว่าเป็นค่าอะไรบ้าง แต่ละจำนวนเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์นำสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณาของศาล และจำเลยก็มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้โดยละเอียดเช่นกัน ประกอบกับจำเลยให้การปฏิบัติความรับผิดของเงินจำนวนนี้ได้โดยละเอียด แสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้รายละเอียดของเงินจำนวนนี้ได้พอสมควรและจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ได้ดี คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาของศาลทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีตามประเด็นแห่งคดีต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี