แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์โดยนำค่าซากรถไปหักจากค่าซ่อมรถแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระในส่วนที่เหลือคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาโดยให้นำค่าซากรถไปหักออกจากจำนวนเงินที่เอาประกันภัยมิได้เพราะเป็นการแก้ไขจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์จะพึงเรียกได้มิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อย ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 99,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 21,500 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โจทก์ยื่นคำร้องว่ารถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ถูกชนต้องเสียค่าซ่อม 110,000 บาทเศษ โจทก์ขายซากรถเป็นเงิน88,500 บาท โจทก์จ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยเป็นเงิน 180,000 บาทจำเลยต้องรับผิดในมูลละเมิดต่อโจทก์เป็นเงิน 91,500 บาท แต่ศาลคำนวณผิดพลาดโดยเอาค่าขายซากรถไปหักจากค่าซ่อมเหลือเท่ากับ 21,500 บาท ขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยโดยให้จำเลยรับผิดเป็นเงิน 91,500 บาท ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีมิใช่เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ซึ่งโจทก์ไม่พอใจคำพิพากษาก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป ให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ซึ่งถูกรถยนต์ที่จำเลยขับโดยประมาทชนเสียหาย โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มทุนประกันภัยเป็นเงิน180,000 บาท หักด้วยจำนวนเงินที่ขายซากทรัพย์คือรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้แก่โจทก์จำนวน 88,500 บาท ดังนั้นโจทก์จึงเสียหายในฐานะผู้รับประกันภัยในการนี้เป็นจำนวนเงิน 91,500 บาทศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า รถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายเป็นค่าอะไหล่และค่าแรงในการซ่อมรวมทั้งหมด 110,000 บาทเศษแต่วงเงินประกันภัยเป็นเงินจำนวน 180,000 บาท รถคันที่เอาประกันภัยได้ประมูลขายซากรถไปจำนวน 88,500 บาท เมื่อหักวงเงินประกันภัยแล้วยังคงเหลือเงินที่โจทก์จะต้องจ่าย 90,500 บาทแต่เมื่อคดีรับฟังได้ว่า ราคา (ที่ถูกเป็นรถ) ที่โจทก์เอาประกันภัยหากทำการซ่อมจะเสียค่าซ่อมประมาณ 110,000 บาทเศษ เมื่อโจทก์ขายซากราคา (ที่ถูกเป็นรถ) ที่เอาประกันไปเป็นเงิน 88,500 บาทและหักออกจากเงินค่าซ่อมแล้วคงเหลือเงินจำนวน 21,500 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 21,500 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย รายละเอียดปรากฏตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาดังกล่าว อ้างว่าศาลชั้นต้นคำนวณผิดพลาดโดยเอาค่าขายซากรถมาหักจากค่าซ่อม แทนที่จะนำค่าขายซากรถมาหักออกจากจำนวนเงินที่เอาประกันภัยเช่นนี้ ในข้อที่ว่าศาลชั้นต้นจะนำค่าขายซากรถมาหักจากค่าซ่อมได้หรือไม่เป็นประเด็นในเรื่องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์จะพึงเรียกได้ มิใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 ซึ่งศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ไม่แก้ไขคำพิพากษาโดยยกคำร้องของโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน จำเลยไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้