แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เช่าห้องพักโรงแรมของจำเลย และพารถจักรยานยนต์ของโจทก์เข้าจอดในโรงแรมดังกล่าวด้วย ต่อมารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวสูญหายไป จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดใช้ราคารถจักรยานยนต์ดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธเพียงว่า จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องชดใช้ราคารถ จำเลยมิได้ให้การถึงว่า รถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675วรรคสอง ซึ่งจำกัดความรับผิดไว้เพียงห้าร้อยบาท ข้อที่ว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่าหรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ได้เข้าเช่าพักอาศัยในโรงแรมของจำเลยที่ 2 และได้พารถจักรยานยนต์ของโจทก์ยี่ห้อซูซูกิ ราคา 28,500 บาทเข้าจอดในบริเวณโรงแรม โดยบอกให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นยามของโรงแรมช่วยดูแลให้ด้วย ต่อมารถจักรยานยนต์ของโจทก์ถูกจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันลักไป จำเลยที่ 2ในฐานะนายจ้างและเจ้าสำนักโรงแรมต้องร่วมรับผิด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่ารถจักรยานยนต์ราคา 28,500 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนเฝ้ายามของโรงแรม ไม่มีหน้าที่เฝ้ารักษาทรัพย์ของผู้มาพัก จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้ร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่มีหน้าที่รับผิดชดใช้ราคารถให้โจทก์
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนฟ้องคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ราคารถจักรยานยนต์ให้โจทก์เป็นเงิน 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์พารถจักรยานยนต์ของโจทก์ตามฟ้องไปพักในโรงแรมของจำเลยที่ 2 รถจักรยานยนต์ของโจทก์สูญหายไป ให้จำเลยที่ 2 รับผิดใช้ราคารถ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 ข้อนี้จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์คัดค้าน แต่ได้อุทธรณ์ว่าจำเลยควรรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสองโดยจำเลยที่ 2 ถือว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่า ที่โจทก์มิได้ฝากไว้แก่เจ้าสำนักโรงแรม (จำเลยที่ 2) จำเลยที่ 2 จึงรับผิดชดใช้ให้โจทก์เพียง 500 บาทเท่านั้น ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่า รถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสองจึงไม่จำต้องวินิจฉัย จำเลยที่ 2 คงฎีกาต่อมาว่ารถจักรยานยนต์ที่โจทก์พาไปพักในโรงแรมของจำเลยที่ 2 เป็นของมีค่า ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วจำเลยที่ 2ให้การในส่วนที่จะต้องรับผิดว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ว่าหายไปจริงหรือไม่นั้นโจทก์ (จำเลยที่ 2) ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะชดใช้ราคารถเป็นเงิน 28,000 บาทให้โจทก์ เห็นว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธเพียงว่าจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องชดใช้ราคารถจำเลยที่ 2 มิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดเพียงห้าร้อยบาทเท่านั้น และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดปัญหานี้เป็นประเด็นไว้ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า รถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง จึงไม่เป็นประเด็นข้อต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน