แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย โดยถามหาสามีของผู้เสียหายก่อนแล้วไปนั่งคุยกับผู้เสียหายบนเตียงนอนโดยผู้เสียหายมิได้ห้ามปรามหรือขอร้องให้จำเลยออกไปจากบ้านนั้น เป็นการแสดงว่าผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยเข้าไปได้โดยปริยาย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและมีเจตนารบกวนการครอบครองที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายและจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 362,364, 365 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2517 ข้อ 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 364, 365 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรกเป็นความผิดอันยอมความได้ สิทธินำคดีมาฟ้องจึงระงับ ให้จำหน่ายคดีฐานข่มขืนกระทำชำเราส่วนความผิดฐานบุกรุกเห็นว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเข้าไปในหมู่บ้านผู้เสียหาย โดยถามหาสามีของผู้เสียหายก่อน แล้วไปนั่งคุยกับผู้เสียหายบนเตียงนอน โดยผู้เสียหายไม่ได้ห้ามปรามหรือขอร้องให้จำเลยออกไปจากบ้านนั้น เป็นการแสดงว่าผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยเข้าไปได้โดยปริยาย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและมีเจตนารบกวนการครอบครองที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
พิพากษายืน