คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักไปเป็นทรัพย์ที่พี่สาวจำเลยและสามีของพี่สาวจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกัน มิใช่ทรัพย์ของพี่สาวจำเลยเพียงผู้เดียว หากจำเลยลักทรัพย์ดังกล่าวไปจริงตามฟ้อง จำเลยก็มิได้กระทำต่อพี่สาวจำเลยแต่เพียงผู้เดียว แต่กระทำต่อสามีของพี่สาวจำเลยซึ่งมิใช่พี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกับจำเลยด้วย การกระทำของจำเลยจึงมิใช่ความผิดอันยอมความได้ตาม ป.อ. มาตรา 71วรรคสอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,500 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ผู้เสียหายและภรรยาผู้เสียหายซึ่งเป็นพี่สาวจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ทรัพย์ที่จำเลยลักไปนั้นเป็นทรัพย์ระหว่างสามีภริยา บุคคลทั้งสองขอถอนคำร้องทุกข์ โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทรัพย์ที่จำเลยลักไปเป็นทรัพย์ที่นางสุมาลีเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย โดยที่นางสุมาลีเป็นพี่สาวของจำเลยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดอันยอมความได้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไป ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีไม่เข้าเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา71 ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์ พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นนี้มีว่าความผิดที่จำเลยถูกฟ้องในคดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71วรรคสอง หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคสอง นั้น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนี้นั้นหากพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกระทำต่อกันก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้คดีนี้ได้ความว่าทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักไปนั้นเป็นทรัพย์ที่นางสุมาลี ทูลฉลาดพี่สาวจำเลยและนายสมนึก ทูลฉลาด ผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีนางสุมาลีเป็นเจ้าของร่วมกันจึงมิใช่ทรัพย์ของนางสุมาลีแต่เพียงผู้เดียว หากจำเลยลักทรัพย์ดังกล่าวไปจริงตามฟ้องจำเลยก็มิได้กระทำต่อนางสุมาลีซึ่งเป็นพี่สาวจำเลยแต่เพียงผู้เดียว แต่จำเลยกระทำต่อนายสมนึกผู้เสียหายซึ่งมิใช่พี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกับจำเลยด้วยการกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงมิใช่ความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคสอง แม้แต่จำเลยเป็นเจ้าของร่วมกับนายสมนึกผู้เสียหายในทรัพย์ที่ฟ้อง กรณีก็ยังไม่เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นเดียวกัน…”
พิพากษายืน

Share