คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้คืน จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ต่อสู้แต่ว่ากู้เพียง 3,000 บาทที่เขียนสัญญาเป็น 3,200 บาท โดยโจทก์คิดเอาดอกเบี้ยรวมเข้าไปด้วยแต่ในชั้นฎีกาจำเลยกลับฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้มอบทรัพย์สินที่กู้ยืม สัญญากู้จึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมาย ฯลฯ เป็นโมฆะเป็นฎีกาที่จำเลยตั้งข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ให้เข้าข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชำระเงินกู้ 3,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า กู้เพียง 3,000 บาท ส่วนอีก 200 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยรวมเข้าด้วย และฟ้องแย้งว่าโจทก์ค้างชำระค่าจ้างปลูกเรือนแก่จำเลยเป็นเงิน 4,500 บาท ขอให้ศาลหักเงินที่จำเลยกู้โจทก์ไป 3,000 บาท และขอให้บังคับโจทก์ใช้เงินค่าจ้างแก่จำเลยอีก 1,500 บาท

โจทก์ให้การว่า ไม่เคยว่าจ้างจำเลยปลูกเรือน ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย และยกฟ้องแย้งจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าได้กู้เพียง 3,000 บาท ที่เขียนสัญญาเป็น 3,200 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยรวมเข้าไปด้วย ในชั้นฎีกาจำเลยกลับฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้มอบทรัพย์สินที่กู้ยืม สัญญากู้จึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมของประชาชน เป็นโมฆะ เป็นฎีกาที่จำเลยตั้งข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ให้เข้าข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share