คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เจ้าหนี้รายที่ 24 ตกลงทำสัญญาค้ำประกันหนี้ที่ลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 และเจ้าหนี้รายที่ 24 ชำระหนี้บางส่วนให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 แทนลูกหนี้ ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 เด็ดขาด และมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในคดีนี้นั้น เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในมูลหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระไว้เต็มจำนวนแล้ว เจ้าหนี้รายที่ 24 จึงไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนเงินที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 101 ซึ่งหากต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 นำเงินจากกองทรัพย์สินของเจ้าหนี้ดังกล่าวชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 แล้วก็ย่อมมีผลให้เจ้าหนี้รายที่ 24 เข้ารับช่วงสิทธิตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 ในคดีนี้ต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 229

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งลูกหนี้เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548
เจ้าหนี้รายที่ 24 ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ภาระค้ำประกันที่เจ้าหนี้รายที่ 24 ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ คิดเป็นหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ 10,039,481.37 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน 2,205,461.60 บาท นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จนกว่าจะชำระเสร็นสิ้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/29 แล้ว มีผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 24 ได้รับชำระหนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 4,193,821.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน 2,205,461.60 บาท นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จนกว่าจะชำระเสร็จจากลูกหนี้ ส่วนที่ขอเกินมาให้ยก
เจ้าหนี้รายที่ 24 ยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 24 ได้รับชำระหนี้เต็มตามคำขอรับชำระหนี้โดยมีเงื่อนไขให้เจ้าหนี้รายที่ 24 ได้รับชำระหนี้ต่อเมื่อเจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 ได้รับชำระหนี้จากเจ้าหนี้รายที่ 24 แล้ว
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
เจ้าหนี้รายที่ 24 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้อุทธรณ์โต้แย้งฟังเป็นยุติว่า เมื่อปี 2539 เจ้าหนี้รายที่ 24 ตกลงทำสัญญาค้ำประกันหนี้ที่ลูกหนี้มีต่อบริษัทไทยไวร์ โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 12 และบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 13 และเจ้าหนี้รายที่ 24 ชำระหนี้บางส่วนให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 21 และ 13 แทนลูกหนี้เมื่อปี 2544 ตามสำเนาหนังสือค้ำประกันและสำเนาสัญญาขอให้ออกหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย ร.2 ถึง ร.8 ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งในคดีหมายเลขแดงที่ 502/2544 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2544 และมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 จึงยื่นขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามจำนวนเงินที่เจ้าหนี้รายที่ 24 ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 แทนลูกหนี้ไปแล้วและรวมถึงจำนวนเงินที่เจ้าหนี้รายที่ 24 อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ในภายหน้าได้หากเจ้าหนี้รายที่ 24 ชำระหนี้แทนลูกหนี้เพิ่มเติมให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 รวมขอรับชำระหนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 10,039,481.37 บาท พร้อมดอกเบี้ย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 24 ได้รับชำระหนี้เฉพาะเงินในส่วนที่ได้ชำระเงินแทนลูกหนี้ไปแล้วก่อนเจ้าหนี้รายที่ 24 ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้คิดเป็นเงินรวม 4,193,821.66 บาท พร้อมดอกเบี้ย ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 มีว่า เจ้าหนี้รายที่ 24 มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในจำนวนเงินที่เจ้าหนี้รายที่ 24 อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ในภายหน้าได้หรือไม่ ที่เจ้าหนี้รายที่ 24 อุทธรณ์ว่าหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 แบ่งทรัพย์สินชำระเงินให้กับเจ้าหนี้รายที่ 12 และเจ้าหนี้รายที่ 13 ก็ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยหรือได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้นั้น เห็นว่า ในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 แถลงยอมรับข้อเท็จจริงว่า บริษัทไทยไวร์ โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 12 และบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 13 ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในมูลหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระเจ้าหนี้ทั้งสองรายดังกล่าวไว้เต็มจำนวนแล้วตามสำเนารายงานเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 เจ้าหนี้รายที่ 24 จึงไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนเงินที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 101 ซึ่งหากต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 นำเงินจากกองทรัพย์สินของเจ้าหนี้ดังกล่าวชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 แล้ว ก็ย่อมมีผลให้เจ้าหนี้รายที่ 24 เข้ารับช่วงสิทธิตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 12 และ 13 ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 229 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของเจ้าหนี้รายที่ 24 นั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายที่ 24 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share