คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการตรวจการจ้างมิใช่เป็นบุคคลหรือคณะบุคคลที่จะมีอำนาจในการพิจารณาว่าจะให้บุคคลใดชนะการประกวดราคา ดังนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ทั้งสองนำสืบว่าจำเลยกล่าวอ้างต่อโจทก์ทั้งสองว่าจำเลยเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้าง หากให้เงินจำเลยก็จะให้ห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองชนะการประกวดราคาก็ตาม การกระทำของจำเลย ก็มิได้เป็นการกล่าวอ้างต่อโจทก์ทั้งสองเพื่อกระทำการเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการพิจารณาว่าจะให้ห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองชนะการประกวดราคาอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 145 วรรคแรก แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,90, 91, 143, 145, 148, 157, 309, 337
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองนำสืบว่า โจทก์ทั้งสองไปยื่นซองประกวดราคารับจ้างก่อสร้างลานกีฬาเอนกประสงค์ระดับตำบลขององค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข จำเลยได้แจ้งแก่โจทก์ทั้งสองว่าเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างและเรียกเงินจากโจทก์ทั้งสองจำนวนร้อยละ 5 ของราคากลาง เป็นเงิน 4,590 บาท หากให้เงินจำเลยก็จะให้ห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองชนะการประกวดราคา โจทก์ทั้งสองไม่ให้เงิน แต่ในที่สุดห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองก็ชนะการประมูล เห็นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดพูลสุขก่อสร้างซึ่งมีโจทก์ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนนั้น ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2540 โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างด้วย โจทก์ทั้งสองย่อมต้องทราบว่าคณะกรรมการตรวจการจ้างมิใช่เป็นบุคคลหรือคณะบุคคลที่จะมีอำนาจในการพิจารณาว่าจะให้บุคคลใดชนะการประกวดราคา ดังนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ทั้งสองนำสืบว่าจำเลยกล่าวอ้างต่อโจทก์ทั้งสองว่าจำเลยเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้าง หากให้เงินจำเลยก็จะให้ห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองชนะการประกวดราคาก็ตาม การกระทำของจำเลยในวันที่ 11 กรกฎาคม 2544 ก็มิได้เป็นการกล่าวอ้างต่อโจทก์ทั้งสองเพื่อกระทำการเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการพิจารณาว่าจะให้ห้างหุ้นส่วนของโจทก์ทั้งสองชนะการประกวดราคาอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรคแรก แต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ทั้งสองนำสืบว่า ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2544 จำเลยได้แจ้งให้ใช้เหล็กเส้นแบบผูกมัดหากไม่เปลี่ยนต้องให้เงินแก่จำเลย 1 เปอร์เซ็นต์ของค่าก่อสร้าง แล้วจำเลยจะไปดำเนินการให้คณะกรรมการตรวจการจ้างผ่านงานให้ก็ดี ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2544 จำเลยซึ่งมีอาวุธปืนพกอยู่ที่เอวได้มาที่บริเวณก่อสร้างและพูดข่มขู่โจทก์ทั้งสองต่อหน้าคนงานว่าต้องทำให้ถูกแบบ มิฉะนั้นจะต้องให้ทุบทิ้งนั้น เห็นว่า โจทก์ทั้งสองได้เบิกความยอมรับด้วยว่าได้มีการเปลี่ยนเหล็กตะแกรงสำเร็จรูปมาเป็นเหล็กเส้นแบบผูกมัดตามที่จำเลยโต้แย้ง น่าเชื่อว่าการเตรียมการก่อสร้างของโจทก์ทั้งสองในส่วนที่เกี่ยวกับเหล็กตะแกรงไม่ถูกต้องจริง โจทก์ทั้งสองจึงยอมเปลี่ยนมาใช้เหล็กตะแกรงแบบผูกมัดตามที่จำเลยโต้แย้ง จำเลยนำสืบว่า นอกจากเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุขแล้ว จำเลยยังได้รับแต่งตั้งจากสภาองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุขให้เป็นอนุกรรมการติดตามผลงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุขได้กำชับให้คณะอนุกรรมการทำงานด้วยความตั้งใจเพื่อตรวจสอบในสิ่งที่ถูกต้องตามรายงานการประชุม ดังนั้น การที่จำเลยได้ทักท้วงหรือโต้แย้งโจทก์ทั้งสองในวันที่ 23 และ 28 กรกฎาคม 2544 ให้ทำการก่อสร้างให้ถูกต้องตามแบบในสัญญาจ้างย่อมเป็นการกระทำตามที่จำเลยได้รับมอบหมายนั่นเอง ส่วนที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่า จำเลยเรียกร้องเงินจากโจทก์ทั้งสอง 1 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้คณะกรรมการตรวจการจ้างผ่านงานให้นั้นเมื่อคิดเป็นเงินได้เพียง 915 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยมาก อีกทั้งโจทก์ทั้งสองอยู่ในบริเวณที่มีการก่อสร้างพร้อมคนงานอีกหลายคน รวมทั้งนายสันติหัวหน้าส่วนโยธาผู้ควบคุมงาน ย่อมเป็นการผิดวิสัยที่จำเลยจะกระทำการดังที่โจทก์ทั้งสองอ้าง พยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 หรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share