แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18(อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมา ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ฟังได้ว่าจำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเครื่องจักรเกินกว่า 2 แรงม้า และมีไม้สัก ไม้ยาง แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางคือไม้แปรรูปกับเครื่องจักรซึ่งจำเลยใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ อันได้แก่ เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้ และเครื่องจักรใช้ไสไม้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้และพระราชบัญญัติโรงงานลงโทษฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาต ปรับ 5,000 บาท กระทงหนึ่ง และฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองไม่รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท อีกระทงหนึ่งจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 6 เดือน ปรับ 7,500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 3 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบเครื่องมือ เครื่องจักรของกลาง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้กล่าวหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้ ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นเครื่องมือเครื่องจักรของกลางไม่ได้ความว่าจำเลยได้ใช้ในการแปรรูปไม้ จะถือว่าจำเลยได้ใช้ในการกระทำผิดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดไม่ได้ จึงไม่ต้องริบ พิพากษาแก้ว่าไม่ริบเครื่องมือจักรของกลาง ให้คืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาขอให้ริบเครื่องมือเครื่องจักรของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 18 บัญญัติว่า บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดตาม มาตรา 17, 48, 54 หรือ มาตรา 69 ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่” เห็นว่าเครื่องมือและเครื่องจักรของกลางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 ทั้งนี้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1572/2505 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะความผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มีอัตราโทษปรับสถานเดียวจึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยางโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับจะลงโทษปรับสถานเดียวทำได้ไม่ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยางอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90แต่เนื่องจากโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยางไม่รับอนุญาต ริบเครื่องมือ เครื่องจักรกล นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์