คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมให้เงินแก่จำเลยสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายกับค่าติดต่อกับผู้ใหญ่เพื่อช่วยเหลือโจทก์ร่วมให้เข้าทำงานเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมให้เงินไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานอันเป็นการใช้ให้กระทำผิดกฎหมาย โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงกับจำเลย.

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาพิพากษา คดีสำนวนแรกศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม ทั้งสองสำนวนโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงินจำนวน 20,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้วางโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละหกเดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินจำนวน 20,000 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างฎีกา โจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์เฉพาะจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ไม่คัดค้าน ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาข้อแรกว่า โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายเพราะโจทก์ร่วมมีเจตนาร่วมกับนางยุพินกับพวกนำเงินสินบนไปให้เจ้าพนักงานกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เป็นการให้เพื่อทำผิดกฎหมายในการรับโจทก์ร่วมเข้าทำงานโดยไม่ต้องสอบศาลฎีกาเห็นว่า นายวิลัย ธีระราษฎร์ พยานโจทก์ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายสถานีรถไฟมาก่อนเบิกความว่า การทำงานในการรถไฟฯ มี 2 ประเภทถ้าเข้าเป็นนักเรียนจะมีการสอบคัดเลือก ถ้าเข้าเป็นคนงานทางแขวงจะเป็นผู้รับเข้าเอง โจทก์ร่วมว่า จำเลยบอกว่าเงินที่ได้รับจะนำไปเป็นค่าติดต่อกับผู้ใหญ่ให้เข้าทำงานและเป็นค่าใช้จ่าย นางเทพว่าตกลงเป็นค่าใช้จ่ายกับค่าติดต่อ ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมให้เงินไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานอันเป็นการใช้ให้กระทำผิดกฎหมาย โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลย…”
พิพากษายืน.

Share