แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อทนายโจทก์ทนายจำเลยแถลงร่วมกันว่าคดีตกลงกันได้แล้วขอให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งรับคำให้การและคำแถลงจำเลยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดีจะต้องพิจารณาต่อไปชอบที่ศาลจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมจำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นไม่สั่งรับคำให้การจำเลยก่อนทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นไม่จำต้องรอให้จำเลยยื่นคำให้การหรือต้องตรวจคำให้การเสียก่อนทำยอมตามที่ตกลงกัน พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นคำให้การและคำแถลงคัดค้านคำร้องขอเปิดทางในเหตุฉุกเฉินของโจทก์ ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำให้การและคำแถลงดังกล่าวอย่างใด แต่ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามคำแถลงของทนายโจทก์ทนายจำเลยแล้วพิพากษาตามยอมเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 67, 71 นั้น เห็นว่า เมื่อทนายโจทก์ทนายจำเลยแถลงร่วมกันว่า คดีตกลงกันได้แล้วขอให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งรับคำให้การและคำแถลงดังกล่าวของจำเลย เพราะไม่เป็นสาระแก่คดีที่จะต้องพิจารณาต่อไป ชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138”
พิพากษายืน