แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เรื่องที่จะให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดเป็นความผิดในข้อหาความผิดฐานไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการหรือธุรกิจของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทโดยตรง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปเป็นของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเช็คของห้างที่จำเลยสั่งจ่ายไป โดยไม่ได้ลงบัญชีเงินสดของห้างนั้น จำเลยได้สั่งจ่ายไปในกิจการหรือธุรกิจของห้างการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัดอุตสาหกรรมน้ำแข็งตราด โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ช่วยเหลือในการจัดทำบัญชีของห้างจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีของห้างฯ ซึ่งเปิดไว้ที่ธนาคารฯ ให้แก่ผู้มีชื่อหลายคนประมาณ 56 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 1,835,648 บาท การจ่ายเช็คดังกล่าวถือเป็นรายการสำคัญแสดงถึงฐานะการจ่ายเงินของห้าง ซึ่งจะต้องนำลงบัญชีเงินสดจ่ายของห้างตามระเบียบ หลักการบัญชี และกฎหมายการบัญชี แต่จำเลยทั้งสองโดยเจตนาทุจริตร่วมกันไม่นำรายการจ่ายเงินตามเช็คลงบัญชีของห้างตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำ ทั้งยินยอมให้จำเลยที่ 2 กระทำและร่วมกันกระทำเพื่อลวงให้ห้างฯ โจทก์ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติการบัญชี เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) และคดีขาดอายุความ ส่วนข้อหาตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ พ.ศ. 2499การกระทำของจำเลยไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตามมาตรา 42 และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายโดยไม่ลงบัญชีนั้นเกี่ยวกับกิจการของห้างหรือไม่จำเลยจึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ประทับฟ้องในข้อหาตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการของห้าง ออกเช็คสั่งจ่ายเงินของห้างไป โดยไม่อาจทราบได้ว่าจ่ายไปในกิจการส่วนตัวของจำเลยที่ 1 หรือในธุรกิจของห้าง เช่นว่าเอาเงินของห้างไปใช้ในธุรกิจส่วนตัว ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องนำมาลงบัญชีของห้าง ข้อเท็จจริงจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิด คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องที่จะให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่นจำกัด หรือบริษัทจำกัด เป็นความผิดต้องรับโทษนั้น ตามมาตรา 42(2) ได้บัญญัติไว้ว่า “ลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท” ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่า การที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 42(2) ในข้อหาความผิดฐานไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีนั้น จะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการหรือธุรกิจของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทโดยตรง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปเป็นของจำเลยคือจะต้องปรากฏชัดว่า เช็คของห้างที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่าย โดยไม่ได้ลงรายการจ่ายในบัญชีเงินสดของห้าง เป็นรายการที่เกี่ยวกับกิจการหรือธุรกิจของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นเอง แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า เช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายไปโดยไม่ได้ลงรายการจ่ายในบัญชีเงินสดนั้น จำเลยที่ 1จะสั่งจ่ายในกิจการของห้างหรือส่วนตัวไม่เกี่ยวกับห้าง โจทก์ไม่ทราบข้อเท็จจริงนี้แสดงว่าโจทก์ไม่ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการหรือธุรกิจของห้าง จึงฟังไม่ได้ว่า เช็คของห้างที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายไปโดยไม่ได้ลงบัญชีเงินสดของห้างนั้น จำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายไปในกิจการหรือธุรกิจของห้าง ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการผิดกฎหมายดังโจทก์ฟ้อง คดีโจทก์ไม่มีมูล
พิพากษายืน