แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าของรถบรรทุกคันเกิดเหตุและได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุกคันนั้น แม้จำเลยจะให้ ว. เช่าซื้อรถคันนั้นไป แต่จำเลยก็ยังยื่นขอต่ออายุทะเบียนรถ และหาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวแก่ทางราชการไม่ กลับยอมให้ ว.ขับรถคันเกิดเหตุไปประกอบการขนส่งในชื่อจำเลยอีกต่อไปพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลย และ ว.ร่วมกันประกอบการขนส่งส่วนบุคคล และ ว.เป็นตัวแทนของจำเลยในกิจการดังกล่าว เมื่อว.ขับรถไปกระทำละเมิดอันต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ภายในขอบอำนาจแห่งฐานะตัวแทน จำเลยซึ่งเป็นตัวการต้องร่วมรับผิดด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427,820
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุกและเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถบรรทุกสิบล้อส่วนบุคคลคันหมายเลขทะเบียนกาญจนบุรี 80-1583 ขณะที่รถไฟขบวนรถสินค้ากำลังวิ่งอยู่ระหว่างเสาโทรเลขที่ 86/14-15 ซึ่งมีถนนสายเอเซียตัดผ่าน นายวิบูลย์ เนตรสุวรรณ ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยซึ่งขับรถบรรทุกอ้อยไปตามถนนสายเอเซีย ตามทางการที่จ้างหรือตามวัตถุประสงค์ของจำเลยแซงรถยนต์ที่จอดรอสัญญาณเครื่องกั้นถนนชนกลางขบวนรถสินค้าของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหาย 500,115.63 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุก จำเลยให้นายวิบูลย์เช่าซื้อรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุไป นายวิบูลย์มิได้ขับรถประมาท ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 250,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2525 จนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยคู่ความมิได้คัดค้านว่า จำเลยเช่าซื้อรถบรรทุกคันเกิดเหตุจากบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด วันที่ 8 พฤศจิกายน 2524นายวิบูลย์ เนตรสุวรรณเช่าซื้อรถคันนี้จากจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ วันที่ 7 เมษายน 2525 นายวิบูลย์ขับรถคันเกิดเหตุบรรทุกอ้อยด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนรถไฟขบวนที่ 715 ซึ่งเป็นขบวนรถสินค้าของโจทก์ นายวิบูลย์ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย
ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยก่อน โดยมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจะต้องรับผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่าตามคำเบิกความของนางสาวสายพิณ จงรุ่งเรือง พยานโจทก์ซึ่งรับราชการในตำแหน่งขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีว่า จำเลยได้นำรถบรรทุกคันเกิดเหตุมาจดทะเบียนประกอบการขนส่งเมื่อ พ.ศ. 2519 และขอต่อทะเบียน โดยได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุก ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ตั้งแต่วันที่9 มกราคม 2524 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 เมื่อจำเลยให้นายวิบูลย์เช่าซื้อรถคันดังกล่าวไป นายวิบูลย์ก็มิได้ขออนุญาตประกอบการขนส่งตามกฎหมาย คงใช้รถบรรทุกคันเกิดเหตุประกอบการขนส่งตามใบอนุญาตเดิมซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตตลอดมา ความข้อนี้จำเลยก็รับว่าขณะเกิดเหตุรถบรรทุกคันเกิดเหตุยังใช้ชื่อจำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่งอยู่ ตามคำเบิกความของนางสาวสายพิณพยานโจทก์ที่ว่า ในปี พ.ศ. 2525 (หลังจากนายวิบูลย์เช่าซื้อรถไปจากจำเลยแล้ว) จำเลยก็ยังยื่นแบบเรื่องราวขอต่ออายุทะเบียนรถและชำระเงินในฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งอีกด้วย ตามเอกสารหมายจ.6 และ จ.7 ซึ่งตามคำเบิกความของนางสาวสายพิณพยานโจทก์ตอบทนายจำเลยว่า การโอนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลให้แก่ผู้อื่น ผู้รับโอนนั้นจะต้องเป็นผู้ประกอบการด้วย จึงจะรับโอนได้ จากคำเบิกความของนางสาวสายพิณดังกล่าว จะเห็นได้ว่านายวิบูลย์มิได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ถึงแม้จะเช่าซื้อรถไปจากจำเลยแล้วก็ตาม ก็จะนำรถออกประกอบการขนส่งไม่ได้ จึงต้องใช้ชื่อจำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่งอยู่ จำเลยผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522กฎกระทรวง เงื่อนไข คำสั่ง และระเบียบซึ่งได้ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ตามที่ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล เอกสารหมาย จ.3 ได้ระบุไว้ซึ่งในมาตรา 4(5)แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว ให้นิยามคำว่า “การขนส่งส่วนบุคคล” หมายความว่า การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเองฯ ทั้งในมาตรา 34 ที่แก้ไขแล้ว บัญญัติว่า “ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ให้นายทะเบียนกำหนดเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนดไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
(1) จำนวนรถที่ต้องใช้ในการประกอบการขนส่ง
(2) ลักษณะ ชนิด และขนาดของรถ และเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องให้ปรากฏประจำรถทุกคัน
(3) สถานที่เก็บ ซ่อม และบำรุงรักษา”ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรา 34 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทตามมาตรา 131
เมื่อจำเลยได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลซึ่งเป็นการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของจำเลยเองแล้ว แม้จำเลยจะให้นายวิบูลย์เช่าซื้อรถบรรทุกคันเกิดเหตุไป ก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเท่านั้น จำเลยหาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยแก่ทางราชการไม่กลับยอมให้นายวิบูลย์ขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุไปประกอบการขนส่งในชื่อจำเลยได้อีกต่อไปพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยและนายวิบูลย์ร่วมกันประกอบการขนส่งส่วนบุคคล และถือว่านายวิบูลย์เป็นตัวแทนของจำเลยในกิจการขนส่งดังกล่าว ฉะนั้น เมื่อนายวิบูลย์ขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุไปกระทำละเมิดอันต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ภายในขอบอำนาจแห่งฐานะตัวแทนเช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดกับนายวิบูลย์ซึ่งเป็นตัวแทนในผลละเมิดที่นายวิบูลย์ทำไปนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427, 820 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3480/2530 ระหว่าง กรมทางหลวง โจทก์นายสมนึก กาฬพันธ์ กับพวก จำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 434,121.06 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2525จนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์