แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขายลดตั๋วเงินแก่ธนาคาร โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อธนาคาร จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินและค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์โจทก์ใช้หนี้แก่ธนาคารตามที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดต่อธนาคารไป จำเลยที่ 2 ต้องใช้หนี้นั้นแก่โจทก์ อายุความระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์มีกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำสัญญาค้ำประกัน
ย่อยาว
จำเลยที่ 1 ขายลดตั๋วแลกเงินแก่ธนาคารเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2507 โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อธนาคาร จำเลยที่ 2 ภริยาจำเลยที่ 1 ค้ำประกัน จำเลยที่ 1ต่อโจทก์ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2507 วันเดียวกันอีกชั้นหนึ่ง โดยมีจำนองเมื่อ 29ธันวาคม 2507 ด้วย ตั๋วแลกเงินนั้นเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ต้องชำระเงินแก่ธนาคารไป415,000 บาท เมื่อ 24 สิงหาคม 2516 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 415,000 บาทกับดอกเบี้ย ถ้าไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน และบังคับจำนองในวงเงิน 300,000 บาทตามสัญญาจำนอง จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 โดยปราศจากสงสัย เมื่อโจทก์ต้องรับผิดตามสัญญาและได้ชำระหนี้ให้ธนาคารแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้หนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์
ส่วนฎีกาข้อต่อมาที่ว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น เห็นว่า คดีนี้ฟ้องโจทก์ให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันทำสัญญาค้ำประกันไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยมูลตามตั๋วเงิน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามที่จำเลยฎีกา”
พิพากษายืน