คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นเรื่องราวขอรับเงินบำนาญพิเศษของบิดาโจทก์ผู้ตายในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของกองทัพบกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าสังกัด ยังไม่ได้ส่งไปยังกระทรวงการคลัง ทางการเจ้าหน้าที่ของกองทัพบกจำเลยสั่งว่า โจทก์มิใช่ทายาทของบิดาโจทก์ ไม่มีสิทธิรับบำนาญพิเศษถือได้ว่าทางการกองทัพบกจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องกองทัพบกจำเลยได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษารับรองสิทธิของโจทก์ว่าเป็นทายาท มีสิทธิรับเงินบำเหน็จพิเศษของบิดาโจทก์ผู้ตายโดยมิได้เรียกร้องเป็นจำนวนเงินเท่าใด เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงไม่ใช่คดีที่มีทุนทรัพย์
บุตรนอกกฎหมายที่บิดาผู้ตายได้รับรองแล้ว และศาลได้พิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายหลังจากผู้ตายถึงแก่ความตายไม่มีสิทธิรับบำนาญพิเศษตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของนางอนันต์ แข็งขัน ที่เกิดจากร้อยตรีม้วน แข็งขัน สามีซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายขณะฟ้องอายุ 1 ปี 11 เดือน ซึ่งร้อยตรีม้วน แข็งขัน บิดาได้รับรองแล้วว่าเป็นบุตรของตน ร้อยตรีม้วน แข็งขัน ถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยิงถึงแก่ความตายในการปฏิบัติราชการ โจทก์ได้ยื่นเรื่องราวขอรับเงินบำเหน็จและเงินช่วยเหลือพิเศษต่อกองทัพบกเจ้าหน้าที่ของกองทัพบกจำเลยแนะนำให้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรของร้อยตรีม้วน แข็งขัน เสียก่อน โจทก์จัดการตามคำแนะนำนั้นแล้ว ได้ยื่นเรื่องราวขอรับเงินบำเหน็จและเงินช่วยเหลือพิเศษต่อกองทัพบกจำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่กองทัพบกจำเลยไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์ โดยอ้างว่าศาลสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของร้อยตรีม้วน แข็งขัน ภายหลังที่ร้อยตรีม้วนแข็งขัน ตายแล้ว ไม่มีสิทธิรับบำเหน็จของร้อยตรีม้วน แข็งขันในฐานะทายาท โจทก์เป็นทายาทชอบด้วยกฎหมายของร้อยตรีม้วน แข็งขันจึงมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จของร้อยตรีม้วน แข็งขัน ตามกฎหมายขอให้พิจารณาว่าโจทก์เป็นทายาท มีสิทธิรับเงินบำเหน็จของร้อยตรีม้วน แข็งขัน

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของร้อยตรีม้วนแข็งขัน จึงไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับบำนาญพิเศษตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 มาตรา 44(1) แม้ศาลจะได้สั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของร้อยตรีม้วน แข็งขันไม่มีสิทธิรับบำนาญพิเศษ สิทธิของบุตรที่จะรับบำนาญพิเศษต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีตัวอยู่ในวันที่บิดาตายและตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอรับบำนาญพิเศษจากจำเลย เพราะการพิจารณาบำเหน็จบำนาญเป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง ฟ้องโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ออกคำสั่งโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทมีสิทธิรับเงินบำเหน็จ เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าขึ้นศาลตามที่จำเลยต่อสู้ โจทก์เป็นบุตรผู้สืบสันดานและเป็นทายาทของร้อยตรีม้วน แข็งขัน จึงมีสิทธิรับบำเหน็จของร้อยตรีม้วน แข็งขันพิพากษาว่าเด็กชายละมาย แข็งขัน โจทก์เป็นทายาทของร้อยตรีม้วนแข็งขัน มีสิทธิได้รับบำเหน็จของร้อยตรีม้วน แข็งขัน ผู้ตายตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 มาตรา 37,41, 44

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยื่นเรื่องราวขอรับบำเหน็จบำนาญพิเศษของโจทก์ตามฟ้องคดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของทางการกองทัพบกซึ่งเป็นเจ้าสังกัด เรื่องราวยังไม่ได้ส่งไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาสั่ง แต่ทางการเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้สั่งเรื่องราวของโจทก์ว่าโจทก์มิใช่ทายาทตามกฎหมายของร้อยตรีม้วน แข็งขัน โจทก์ไม่มีสิทธิรับบำนาญพิเศษให้ตัดชื่อโจทก์ออกจากบัญชีผู้ร้องขอรับบำนาญพิเศษ จึงเห็นได้ว่าทางการของจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ มิใช่กระทรวงการคลัง โจทก์จึงมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้

ศาลฎีกาพิเคราะห์ฟ้องโจทก์แล้ว โจทก์เพียงฟ้องให้ศาลพิพากษารับรองสิทธิของโจทก์ ว่าโจทก์เป็นทายาทมีสิทธิรับเงินบำเหน็จพิเศษของร้อยตรีม้วน แข็งขัน ตามกฎหมายเท่านั้น โจทก์มิได้เรียกร้องเป็นจำนวนเงินเท่าใด เห็นว่า คดีโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ อันไม่อาจคำนวณ เป็นราคาเงินได้ คดีโจทก์จึงไม่ใช่คดีที่มีทุนทรัพย์ โจทก์จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150

ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 มาตรา 41, 4ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2502 มาตรา 10 และพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2499 มาตรา 8 ผู้ที่มีสิทธิที่จะได้รับบำนาญพิเศษของผู้ตาย จะต้องเป็นทายาทของผู้ตายขณะที่ผู้ตายถึงแก่กรรม แต่คดีนี้ขณะที่ร้อยตรีม้วน แข็งขัน ถึงแก่กรรมเด็กชายละมาย แข็งขัน โจทก์อยู่ในฐานะเป็นเพียงบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 เท่านั้น ซึ่งมีเพียงสิทธิได้รับมรดกเสมือนเป็นผู้สืบสันดานตามมาตร 1629(1) เท่านั้น อนึ่ง บุตรนอกสมรสหรือบุตรนอกกฎหมายจะกลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 และการเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีที่ศาลพิพากษา จะมีผลนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1530(3) ฉะนั้นขณะที่ร้อยตรีม้วน แข็งขัน ถึงแก่กรรม เด็กชายละมาย แข็งขัน โจทก์จึงไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของร้อยตรีม้วน แข็งขันผู้ตาย สิทธิในบำเหน็จ บำนาญพิเศษตกทอดไม่ใช่มรดกของผู้ตายเพราะเป็นสิทธิที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการตาย เด็กชายละมาย แข็งขันโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับบำนาญพิเศษตามฟ้อง

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share