แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คนเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน คำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน ๒๒,๕๐๐ บาทแก่โจทก์หรือให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันทำสัญญาหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเงิน ๒๒,๕๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดี
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดีและว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งแดงที่ ๓๘๗/๒๕๑๐
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๘๗/๒๕๑๐ จำเลยที่ ๑ ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัดสามัคคีธรรมรวม ๑๑ คน และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าว ดังนั้นโจทก์และจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๘๗/๒๕๑๐ และโจทก์ฟ้องในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนโดยเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วม คำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยที่ ๒ การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ ๒ จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลอันนั้นเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป