แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรนั้น หามีอำนาจที่จะสั่งการวางระเบียบการแก่บุคคลภายนอก อันถึงจะเอาความผิดเป็นโทษอาญาอย่างใดไม่
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด 15 วัน หากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้ว บุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชะนิดนั้น ไม่มีทางที่จะทำการได้ เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้ จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า องค์การทหารผ่านศึก(ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร จังหวัดพระนคร) ได้ออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.๒๔๙๐ ให้ผู้ขายปลีกเนื้อสุกรชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด ๑๕ วัน จำเลยได้บังอาจฝ่าฝืนประกาศโดยขายปลีกเนื้อสุกรชำแหละโดยมิได้จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าตามประกาศ และจำเลยใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง ขอให้ลงโทษ
จำเลยรับสารภาพตลอดข้อหา
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ๒๔๙๐ มาตรา ๘,๑๗ และ พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด พ.ศ.๒๔๖๖ มาตรา ๓๑ ของกลางให้ริบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการแต่งตั้ง เพื่อปฏิบัติการอันอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการแทนคณะกรรมการเท่านั้น ไม่รวมถึงการวางระเบียบการเงื่อนไขและวิธีการตามความในมาตรา ๗(๘) ด้วยไม่ เพราะความในมาตรานี้มีชัดอยู่แล้ว่า คณะกรรมการมีอำนาจสั่งการที่เห็นสมควรโดย “วางระเบียบรวมทั้งเงื่อนไข และวิธีการเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามความประสงค์ของพ.ร.บ. นี้ เมื่อความตามมาตรา ๑๐ มีบทบัญญัติให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการ เท่านั้น พนักงานเจ้าหน้าที่นั้นจึงหามีอำนาจที่จะสั่งการวางระเบียบแก่บุคคลภายนอกอันถึงจะเอาความผิดเป็นโทษทางอาญาแต่อย่างใดไม่
อนึ่งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ เป็นการห้ามบุคคลทั่วไปประกอบการพาณิชย์โดยการขายปลีกเนื้อสุกร เพราะการห้ามมิให้จำหน่ายเว้นแต่ได้รับอนุญาตตามฎีกาที่ ๑๔๑๗/๒๔๙๓ นั้น บุคคลยังมีโอกาศขออนุญาตได้ แต่ตามประกาศในคดีเรื่องนี้เมื่อพ้นกำหนดที่ประกาศไปแล้ว บุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชนิดนั้น ไม่มีทางที่จะทำการได้อย่างไรเลย เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่นอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรโดยแท้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างให้ริบของกลางมานั้น เห็นว่าตามพ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัดสำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติให้ริบตามนัยฎีกาที่ ๔๘๕/๒๔๘๓
จึงพิพากษาแก้ ไม่ริบเครื่องชั่งของกลาง นอกนั้นยืน