คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 90 วรรคแรก มิได้บังคับว่า สำเนาเอกสารที่ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะต้องเป็นเอกสารที่ถ่าย จากต้นฉบับ ดังนั้น สำเนาเอกสารที่ทนายโจทก์พิมพ์ข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้ซึ่งเป็นแบบพิมพ์อย่างเดียวกับต้นฉบับสัญญากู้ และมีข้อความเช่นเดียวกับสัญญากู้เงินต้นฉบับ โดยทนายโจทก์ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง ก็ถือเป็นสำเนาเอกสารตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้วเมื่อโจทก์ได้แนบสำเนาเอกสารดังกล่าวมาท้ายฟ้องและส่งให้จำเลยพร้อมสำเนาคำฟ้องแล้ว สัญญากู้เงินต้นฉบับ จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้จำนวน 47,300 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กู้และรับเงินจากโจทก์ สัญญากู้เงินเอกสารท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่โจทก์ทำปลอมขึ้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 47,300 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า โจทก์มิได้ส่งสำเนาสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ให้จำเลยทราบล่วงหน้าก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันคงมีเพียงสำเนาเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นสำเนาที่ทนายโจทก์พิมพ์ข้อความกรอกในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินซึ่งมีขายอยู่ทั่วไป สัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 วรรคแรก มิได้บังคับว่า สำเนาเอกสารที่ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะต้องเป็นเอกสารที่ถ่ายจากต้นฉบับ ดังนั้นสำเนาเอกสารที่ทนายโจทก์พิมพ์ข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้ซึ่งเป็นแบบพิมพ์อย่างเดียวกับต้นฉบับสัญญากู้ และมีข้อความเช่นเดียวกับสัญญากู้เงิน เอกสารหมาย จ.1 โดยทนายโจทก์ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องก็ถือเป็นสำเนาเอกสารตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ได้แนบสำเนาเอกสารดังกล่าวมาท้ายฟ้องและส่งให้จำเลยพร้อมกับสำเนาคำฟ้องแล้ว สัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้…”
พิพากษายืน.

Share