แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำให้การจำเลยระบุเพียงว่า ไม่ทราบและไม่รับรอง ไม่ได้ความแจ้งชัดว่าปฏิเสธฟ้องโจทก์จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งและไม่ทำให้เกิดประเด็น การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุชื่อผู้ถูกฟ้องในหนังสือมอบอำนาจเพราะไม่มีกฎหมายบังคับ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีกรรมการ 7 คน นางแจ่มจิตต์ เลาหวัฒน์ เป็นกรรมการด้วยคนหนึ่ง กรรมการคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ โจทก์มอบอำนาจให้นายอนันต์ชัยนิมมานเหมินท์ ฟ้องคดีแทน เดิมจำเลยทั้งสองทำสัญญาเช่าที่ดินของโจทก์เป็นเวลา 1 ปี เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดจำเลยทั้งสองคงเช่าต่อไปไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองเช่าจึงบอกเลิกสัญญา จำเลยทั้งสองทราบแล้วยังครอบครองที่ดินโจทก์อยู่อีกทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่อไปกับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การว่า นางแจ่มจิตต์ เลาหวัฒน์ จะมอบอำนาจให้นายอนันต์ชัย นิมมานเหมินท์ เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่ขอรับรองเนื่องจากหนังสือมอบอำนาจทำไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2527 หนังสือมอบอำนาจมิได้ระบุให้ฟ้องจำเลยทั้งสองลายมือชื่อผู้มอบอำนาจจะใช่ลายมือชื่อนางแจ่มจิตต์ เลาหวัฒน์หรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่ขอรับรอง นางแจ่มจิตต์ เลาหวัฒน์ ยังคงเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่ขอรับรองเนื่องจากหนังสือรับรองเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 เป็นหนังสือที่เจ้าหน้าที่รับรองไว้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2529 จำเลยทั้งสองเช่าที่พิพาทจากโจทก์ แต่มีข้อตกลงว่าโจทก์จะให้จำเลยทั้งสองเช่าตลอดอายุของผู้ให้เช่า โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 2267 ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 9,600 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,200 บาท นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะส่งมอบและออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองว่า คำให้การจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องโจทก์มอบอำนาจให้นายอนันต์ชัยฟ้องคดีแทนเป็นคำให้การที่ชัดแจ้งหรือไม่… เห็นว่าจำเลยทั้งสองให้การในข้อนี้เพียงว่า ไม่ทราบและไม่รับรอง ซึ่งไม่ได้ความแจ้งชัดว่าจำเลยทั้งสองปฏิเสธฟ้องโจทก์ คำให้การจำเลยทั้งสองในข้อนี้จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง และไม่ทำให้เกิดประเด็น ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า คำให้การจำเลยทั้งสองส่วนนี้ไม่ชัดแจ้ง และถือว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย…
จำเลยทั้งสองฎีกาข้อสุดท้ายว่า หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่มอบอำนาจให้นายอนันต์ชัยฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ระบุให้ฟ้องจำเลยทั้งสองนั้น พิเคราะห์แล้วหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า “เรียกร้อง ทวงถามให้ชำระหนี้ แจ้งการบังคับจำนองหรือจำนำดำเนินคดีฟ้องร้อง แก้ต่างทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา รวมทั้งการร้องทุกข์ ฯลฯ” เห็นว่า ตามข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นการมอบอำนาจที่ผู้รับมอบอำนาจสามารถดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ได้ ต่อมาปรากฏว่า จำเลยทั้งสองกระทำการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ นายอนันต์ชัยจึงมีอำนาจดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยทั้งสองแทนโจทก์ได้ตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ โดยไม่จำต้องระบุชื่อผู้โต้แย้งสิทธิโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับไว้…”
พิพากษายืน.