คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๘, ๖๙ จำคุก ๓ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยจะอ้างการป้องกันไม่ได้
จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้ทำผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เหตุเกิดเพราะจำเลยกับพวกเข้าไปชกต่อยพวกผู้เสียหายก่อน พวกผู้เสียหายต่อสู้และวิ่งไล่ตามจำเลยกับพวก จำเลยจึงใช้ปืนยิง การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีคนร้าย ๒ คนเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนจริง แล้ววิ่งหนี เชื่อว่าคนร้ายคนหนึ่งคือจำเลย ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิง การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน
พิพากษายืน

Share