คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมปรึกษาหารือกับจำเลยที่ 3 เพื่อจะไปลักกระบือแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.ไปซุ่มรอรับกระบือที่หัวทุ่งแล้วจำเลยที่ 3 กับพวกไปต้อนกระบือของผู้เสียหายมาส่งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส. สถานที่ที่จำเลยที่1 ที่ 2 และ ส.รอรับกระบือกับสถานที่ที่จำเลยที่ 3 และพวกไปต้อนกระบือนั้นอยู่ไกลกันมาก เช่นนี้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมมือกับจำเลยที่ 3 ขณะจำเลยที่ 3กับพวกกระทำการลักกระบืออันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นตัวการ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถือได้ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกในการที่จะไปลักกระบือจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวเพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีกโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันลักกระบือ 4 ตัว ราคา 4,600 บาท ซึ่งเป็นสัตว์อันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมของนายซุย นุประพันธ์ ผู้มีอาชีพกสิกรรมไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคากระบือ 4,600 บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษคดีอาญาแดงที่ 319/2513 และคดีอาญาดำที่ 353/2513 กับคดีอาญาดำที่ 1052/2513 และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีอาญาดำที่ 353/2513 ของศาลจังหวัดขอนแก่นด้วย

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 4,600 บาทแก่เจ้าทรัพย์ นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาแดงที่ 319/2513 ของศาลจังหวัดขอนแก่น ส่วนที่ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาดำที่ 353/2513 และดำที่ 1052/2513 กับนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีอาญาดำที่ 353/2513 ของศาลจังหวัดขอนแก่น ให้ยกเพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา

จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิด หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด แม้จำเลยที่ 1จะไม่ได้อุทธรณ์ขึ้นมา แต่เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ให้มิต้องรับโทษได้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม และขอให้นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากคดีอาญาแดงที่ 319/2513 และต่อจากโทษในคดีอาญาดำที่ 353/2513ซึ่งเป็นคดีอาญาแดงที่ 1021/2513 ของศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจำเลยนี้เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีแดงที่ 1021/2513 ดังกล่าว และคดีทั้งสองนั้นได้ถึงที่สุดแล้ว

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2513 เวลาประมาณ 8.00 นาฬิกา จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 1 ไปหานายสุพจน์พยานโจทก์ที่บ้านแล้วชวนกันไปหาปลาที่เขื่อนอุบลรัตน์ เมื่อถึงบ้านป่าหวาย คนทั้งสามได้ไปแวะบ้านจำเลยที่ 3 แล้วทั้งสี่คนพากันไปเขื่อนอุบลรัตน์แล้วกลับมานอนพักค้างคืนที่บ้านจำเลยที่ 3 คืนนั้นจำเลยที่ 2 ปรึกษากับจำเลยที่ 1 ถึงเรื่องจะไปลักกระบือ จำเลยที่ 3 บอกว่าหมู่บ้านป่าหวายไม่มีกระบือ แต่จะพาไปหาที่อื่น รุ่งขึ้นเวลาประมาณ 8.00 นาฬิกา จำเลยที่ 3 พาจำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายสุพจน์ไปหานายบัวพยานโจทก์ที่บ้านหนองขี้ควง จำเลยที่ 3 ถามนายบัวว่า มีรายการ (ลักกระบือ) ไหม นายบัวบอกว่ามีแต่พรุ่งนี้ค่อยเอา ครั้นเวลาเที่ยงวัน จำเลยทั้งสามและนายสุพจน์พากันไปอยู่กลางทุ่งห่างบ้านนายบัว 1 กิโลเมตร เพื่อมิให้ใครเห็น เพราะมีแผนการจะลักกระบือถึงกลางทุ่งแล้วทุกคนรออยู่ที่นั่น ส่วนจำเลยที่ 3 กลับไปบ้านป่าหวาย ตกตอนเย็นได้เอาข้าวมาส่งแล้วก็กลับไป นอกนั้นนอนอยู่กลางโคก รุ่งขึ้นเป็นวันที่ 28 นายสุพจน์และจำเลยที่ 3 ไปหานายบัวที่บ้านอีก นายบัวให้นายสุพจน์ไปรอที่หัวทุ่งนาเพื่อรอรับกระบือ แล้วนายบัวกับจำเลยที่ 3 ได้ไปต้อนกระบือ 8 ตัว เป็นของนายซุย 4 ตัว ของนายคำตา 4 ตัวมาส่งนายสุพจน์ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งรออยู่ที่หัวทุ่ง แล้วจำเลยที่ 3 บอกแก่นายบัวว่า ถ้าขายได้เงินมากจะแบ่งให้มาก ถ้าขายได้น้อยก็แบ่งให้น้อย ให้นายบัวรออยู่ที่บ้านแล้วจำเลยที่ 3 และนายบัวก็กลับ ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายสุพจน์ช่วยกันต้อนกระบือไป ระหว่างทางได้ฆ่ากระบือไปบ้างและขายไปบ้าง จึงวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีความผิดสถานใดนั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายสุพจน์ไปซุ่มรอรับกระบือที่หัวทุ่งโดยจำเลยที่ 3 กับพวกจะไปต้อนกระบือมา สถานที่ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 รอรับกระบือนั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าอยู่ห่างที่จำเลยที่ 3 กับพวกลักกระบือของเจ้าทรัพย์เท่าไร แต่พออนุมานได้ว่าอยู่ไกลกันมาก จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมมือกับจำเลยที่ 3 ขณะจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำการลักกระบืออันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นตัวการ แต่พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ร่วมปรึกษาหารือกับจำเลยที่ 3และพวกเพื่อจะไปลักกระบือโดยวางแผนนัดหมายให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไปคอยรับกระบือที่จำเลยที่ 3 จะไปลักมาดังกล่าวแล้วพาหนี ถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกในการที่จะไปลักกระบือ จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในสำนวนคดีอาญาแดงที่ 1021/2513 ของศาลจังหวัดขอนแก่นนั้น โจทก์คงกล่าวในฟ้องฎีกาเพียงว่า คดีอาญาดำที่ 353/2513 เป็นคดีอาญาแดงที่ 1021/2513 ไม่แสดงรายละเอียดให้เพียงพอว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไรสำนวนก็ไม่อ้างประกอบ และไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(12) ประกอบด้วยมาตรา 86 ให้จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(12) ให้จำคุก 3 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 ปี การคืนหรือใช้ราคาทรัพย์และการนับโทษต่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share