คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ(ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2529 ข้อ 2 กำหนดว่า ประกาศนี้มิให้ใช้บังคับแก่ (1) งานเกษตรกรรม ฯลฯ (2) งานอื่นตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนด แสดงว่ากิจการที่ไม่อยู่ในบังคับเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องมีการกำหนดขึ้นตามข้อ 2 ดังกล่าว เมื่อยังมิได้มีการกำหนดว่า การจ้างแรงงานที่มิได้วัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจไม่อยู่ในบังคับของประกาศนี้ซึ่งเป็นประกาศที่มีวัตถุประสงค์ให้ความคุ้มครองแรงงานต่างกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานแล้ว การจ้างแรงงานดังกล่าวจึงอยู่ในบังคับเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้ทำผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและตลอดเวลาที่โจทก์ทำงานกับจำเลย จำเลยจ่ายค่าจ้างไม่ครบตามค่าจ้างขั้นต่ำ และโจทก์ยังมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และวันหยุดตามประเพณีด้วย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหาย ค่าจ้าง และค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นกรรมการแฟลตเคหะชุมชนดินแดงโดยได้รับเงินมาจากสภาเคหะชุมชนเป็นค่าพัฒนารักษาความสะอาดได้ใช้เงินนี้จ่ายเป็นค่าจ้าง โจทก์ไม่มาทำงานดดยไม่มีใครบอกเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ว่า กิจการที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจนั้น หมายถึงว่าเมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างแล้วจะฟ้องเรียกค่าชดเชย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี ค่าล่วงเวลาค่าทำงานในวันหยุด เงินทดแทน ไม่ได้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน แต่ในเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนั้นประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ไม่ได้กล่าวถึงไว้เลยว่า ถ้าเป็นกิจการที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจแล้วไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์ประสงค์เพียงให้จำเลยทั้งห้าจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งตามประกาศดังกล่าวทุกฉบับ โดยเฉพาะฉบับที่16 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2529 ได้กำหนดไว้ในข้อ 2 ว่า”ประกาศนี้มิให้ใช้บังคับแก่ (1) งานเกษตรกรรม ซึ่งได้แก่งานเพาะปลูก งานประมง งานป่าไม้ และงานเลี้ยงสัตว์ (2) งานอื่นตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนด” สำหรับงานอื่นตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนดนั้น จนบัดนี้ยังไม่ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทยได้กำหนดประเภทของงานดังกล่าวไว้ ที่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2515 กำหนดว่ามิให้ใช้บังคับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานแก่กิจการดังต่อไปนี้…(2) การจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ” นั้นเห็นว่า ประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การคุ้มครองแรงงานในส่วนที่เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปหาได้รวมถึงการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำด้วยไม่ เพราะถ้าจะให้การจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจได้รับความคุ้มครองไม่ต้องจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำด้วยแล้ว ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ฉบับที่ 16ก็ไม่จำเป็นต้องกำหนดความในข้อ 2 ที่ว่า “ประกาศนี้มิให้ใช้บังคับแก่ (1) งานเกษตรกรรม ฯลฯ (2) งานอื่นตามที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนด” ไว้อีก ความในข้อ 2 แห่งประกาศดังกล่าวแสดงว่า กิจการใดที่ไม่ต้องอยู่ในบังคับเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องได้กำหนดขึ้นเป็นพิเศษอีกชั้นหนึ่งต่างหาก เมื่อยังมิได้มีการกำหนดว่าการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงกำไรในทางเศรษฐกิจไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จำเลยทั้งห้าก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนดไว้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งห้าจ่ายค่าจ้างในส่วนที่ยังต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรวม 11,860 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share