แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดให้ได้ราคาดีที่สุดหาใช่ว่าจะต้องขายตามราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะงดการบังคับคดีเพื่อประเมินราคาที่ดินใหม่ และแม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงนอกศาลเกี่ยวกับหนี้ตามคำพิพากษา ก็ไม่เป็นเหตุให้งดการบังคับคดี.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ขอให้บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.3 รวม 11 แปลง ระหว่างที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าได้ยึดทรัพย์ไว้นาน 4 ปีแล้ว ยังขายไม่ได้ราคาที่ประเมินไว้จึงเปลี่ยนแปลงไปจากราคา 200,000 บาท เป็นราคาไม่ต่ำกว่า1,100,000 บาท ศาลจึงควรจะต้องสั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อน และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกไปประเมินราคาหลักทรัพย์ของจำเลยใหม่เพื่อจะได้ราคาที่ถูกต้องสำหรับใช้ประกอบดุลพินิจของศาลในการพิจารณาเกี่ยวกับการขายทอดตลาดต่อไป นอกจากนี้ภายหลังจากที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีนี้แล้วโจทก์ยังได้ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาไปเรื่อย ๆจนกว่าจะครบกำหนดจำนวน จึงขอให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ก่อนแล้วสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงเพื่อจะได้นำมาประกอบดุลพินิจของศาลในการพิจารณาเกี่ยวกับการขายทอดตลาดต่อไป ทั้งจะทำให้จำเลยได้มีโอกาสผ่อนชำระหนี้ไปเรื่อย ๆ ตามที่โจทก์จำเลยได้เคยตกลงกันไว้ด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุให้งดการบังคับคดี ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่าคดีนี้ได้มีการยึดทรัพย์ไว้นาน 4 ปีแล้ว แต่ยังขายไม่ได้ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงเปลี่ยนแปลงไป ศาลควรจะต้องสั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อน และสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกไปประเมินราคาหลักทรัพย์ของจำเลยใหม่ เห็นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดเป็นเรื่องอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะทำการขายโดยใช้ดุลพินิจในการขายเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้หาใช่ว่าจะต้องขายในราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ดังที่จำเลยเข้าใจไม่ นอกจากนี้หากจำเลยเห็นว่าที่ดินที่จะนำออกขายทอดตลาดนั้นมีราคาสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ จำเลยก็อาจจะเข้าสู้ราคาเองหรือหาผู้อื่นมาเข้าสู้ราคาได้ด้วยดังนั้น กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประเมินราคาที่ดินที่ยึดไว้ในคดีนี้ใหม่ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าภายหลังจากที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้แล้ว โจทก์ได้ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบจำนวนนั้น ข้อนี้หากเป็นความจริงก็เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยทำกันนอกศาล ศาลมิได้รู้เห็นด้วย จำเลยจะยกเอาข้อตกลงนอกศาลมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่…”
พิพากษายืน.