แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ.2471 มาตรา 3 อันเป็นมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดแล้ว แม้บทมาตราดังกล่าวจะระบุให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ถูกยกเลิกไปแล้วและโจทก์ไม่ได้อ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพุทธศักราช 2499 มาตรา 8 หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาในฟ้องด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีภาพสีลามกและหนังสือภาพลามกในครอบครองเพื่อประโยชน์ในทางการค้าขาย ตามพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามกพ.ศ.2471 มาตรา 3 ริบของกลางและคืนธนบัตรแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องริบของกลางคืนธนบัตรแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามกพ.ศ.2471 มาตรา 3 จำคุก 2เดือนลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือนให้กักขังจำเลยแทนจำคุกตามมาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามกพ.ศ.2471มาตรา 3 ซึ่งมีข้อความว่า ‘ผู้ใดเพื่อประโยชน์หรือในทางการค้าขายจ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่สาธารณชน บังอาจทำ ทำให้มีขึ้น มีไว้ในครอบครอง…. ภาพเขียน…… สิ่งที่พิมพ์ขึ้น….. รูปภาพ…..รูปถ่าย….. ที่ลามกหรือวัตถุอันลามก ท่านว่ามันมีความผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา’ โดยที่โจทก์มิได้อ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพุทธศักราช 2499 มาตรา 8 หรือบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาด้วยนั้นจะเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (6) บัญญัติให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์ที่อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามกพ.ศ.2471 มาตรา 3 จึงชอบด้วยนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว แม้กฎหมายลักษณะอาญาถูกยกเลิก โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องอ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพุทธศักราช 2499 มาตรา 8 หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาอีก
สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษนั้นเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีภาพสีลามกร่วมเพศกับหนังสือภาพลามกร่วมเพศไว้ในความครอบครองเพื่อประโยชน์ในทางการค้านับว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างหนึ่งโดยเฉพาะบรรดาเยาวชน ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจเปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือนเป็นกักขังนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
พิพากษายืน.