คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471 มาตรา 3 อันเป็นมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดแล้ว แม้บทมาตราดังกล่าวจะระบุให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ถูกยกเลิกไปแล้วและโจทก์ไม่ได้อ้างพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พุทธศักราช 2499 มาตรา 8หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาในฟ้องด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีภาพสีลามกและหนังสือภาพลามกในครอบครองเพื่อประโยชน์ในทางการค้าขาย ตามพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471 มาตรา 3ริบของกลาง และคืนธนบัตรแก่เจ้าของ จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบของกลาง คืนธนบัตรแก่เจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471 มาตรา 3จำคุก 2 เดือน ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ให้กักขังจำเลยแทนจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติ ปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471มาตรา 3 ซึ่งมีข้อความว่า “ผู้ใด เพื่อประโยชน์หรือในทางการค้าขายจ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่สาธารณชน บังอาจทำ ทำให้มีขึ้น มีไว้ในครอบครอง… ภาพเขียน… สิ่งที่พิมพ์ขึ้น…รูปภาพ…รูปถ่าย…ที่ลามกหรือวัตถุอันลามก…ท่านว่ามันมีความผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา” โดยที่โจทก์มิได้อ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พุทธศักราช 2499มาตรา 8 หรือบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาด้วยนั้นจะเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) บัญญัติให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์ที่อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471 มาตรา 3 จึงชอบด้วยนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว แม้กฎหมายลักษณะอาญาถูกยกเลิก โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องอ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พุทธศักราช 2499มาตรา 8 หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาอีก คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในปัญหานี้ชอบแล้ว
สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีภาพสีลามกร่วมเพศกับหนังสือภาพลามกร่วมเพศไว้ในความครอบครองเพื่อประโยชน์ในทางการค้านับว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างหนึ่งโดยเฉพาะบรรดาเยาวชน ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจเปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือนเป็นกักขังนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share