คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้าราชการพลเรือนตำแหน่งครูประชาบาลรับเงินเดือนประจำทางงบประมาณประเภทเงินเดือนของกระทรวงศึกษาธิการ แม้นายอำเภอและศึกษาธิการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะได้มีคำสั่งให้ไปทำงานในตำแหน่งเสมียนแผนกศึกษาธิการอำเภออีกตำแหน่งหนึ่งก็ตาย ก็ยังมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อปฏิบัติราชการโดยทุจริตยักยอกเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่จึงย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งครูโรงเรียนประชาบาลและทำหน้าที่เสมียนแผนกศึกษาธิการอำเภออีกตำแหน่งหนึ่งตามคำสั่งของศึกษาธิการอำเภอและนายอำเภอ ได้บังอาจทุจริตต่อหน้าที่ราชการ เบียดบังยักยอกเงินของทางราชการเอาไปเป็นของจำเลยเสีย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗, ๑๕๑ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๓ ปีและให้จำเลยใช้เงิน ๔,๔๐๒ บาท๕๐ บาทสตางค์ แก่แผนกศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานีด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นข้าราชการครูประชาบาลรับเงินเดือนประจำทางงบประมาณประเภทเงินเดือนของกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยก็ย่อมมีฐานะเป็นข้าราชการพลเรือนประจำการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๑ มาตรา ๔ และ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พงศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๒๓ (๖) จำเลยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของศึกษาธิการ กับนายอำเภอตามลำดับ แม้ในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ นายอำเภอและศึกษาธิการอำเภอจะได้มีคำสั่งให้จำเลยมาทำงานในตำแหน่งเสมียนแผนกศึกษาธิการอำเภออีกตำแหน่งหนึ่งก็ตาม ก็เป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบ ฉะนั้น เมื่อจำเลยมีหน้าที่รับเงินต่าง ๆ เก็บรักษาและนำส่งเงินลงบัญชีตลอดจนเก็บรักษาเอกสารทางการเงินต่าง ๆ ของแผนกศึกษาธิการอำเภอลาดหลุมแก้ว ตามคำสั่ง แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริตยักยอกเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตผิดกฎหมาย
พิพากษา ให้ยกฎีกาจำเลย

Share