คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2125/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันจนถูกศาลพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ทั้งสองคน0 และคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เป็นผลสืบเนื่องและยังไม่ขาดตอนกับที่จำเลยบุกรุกเข้าไปทำร้ายร่างกายโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานบุกรุกอันเป็นมูลกรณีเดียวกันย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยไม่มีเหตุอันสมควรได้เข้าไปในห้องซึ่งโจทก์ที่ 1ครอบครองอาศัยอยู่ และได้ใช้กำลังประทุษร้ายโจทก์ที่ 1 กับโจทก์ที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ได้ใช้ไม้ตีโจทก์ที่ 3 เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 162, 365, 295

ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่พิพากษายกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 แถลงรับว่ามูลกรณีเดียวกันนี้ศาลพิพากษาลงโทษโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ในข้อหาก่อการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 คดีถึงที่สุดแล้ว

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 รับกันว่ามูลกรณีเดียวกันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ต่างถูกอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องต่อศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหาก่อการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันถึงบาดเจ็บ ศาลพิพากษาลงโทษโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 คดีถึงที่สุด การที่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันถึงบาดเจ็บ จนถูกศาลทหารกรุงเทพลงโทษทั้งสองคนนั้น เป็นผลสืบเนื่องและยังไม่ขาดตอนจากคดีนี้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปทำร้ายโจทก์ที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องและศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ที่ 1 ในข้อหาฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

พิพากษายืน

Share