คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแลกเงินสดจาก จ. และยอมเสียดอกเบี้ยให้ จ. โดยไม่มีกำหนดเวลาชำระตนเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยตามสัญญา แม้เช็คพิพาทจะมิได้ลงวันที่สั่งจ่ายไว้ ผู้ทรงก็มีสิทธิลงวันที่สั่งจ่ายให้ เมื่อนับจากวันที่ลงนั้นจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องยังไม่พ้น 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขนาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ทรงคนเดิมมีสิทธิโอนต่อให้บุคคลได้ เมื่อมีผู้เอาเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ แม้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบภายหลังมิได้ถามค้านพยานจำเลยไว้ โจทก์ก็มีสิทธินำสืบได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คมาจาก ข. เพราะเป็นการนำสืบตามประเด็นที่โจทก์ฟ้องและจำเลยต่อสู้ไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด รวม ๔ ฉบับลงวันที่สั่งจ่าย ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๔ สั่งจ่ายเงินฉบับละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ ครั้นเช็คถึงกำหนด โจทก์ได้นำเช็คไปให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เรียกเก็บเงินจากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๔ แต่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ปฏิเสธจ่ายเงิน อ้างว่าบัญชีปิดแล้ว ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดใช้ดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔,๐๔๘ บาท โจทก์ได้ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๘๔,๐๔๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๘๐.๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การและแก้ไขเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๐๖ ได้กู้เงินนายจี้ตง แซ่ซื้อ และได้มอบเช็คพิพาทให้ไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยไม่ได้ลงวันที่ไว้ ต่อมานายจี้ตง แซ่ซื้อ ได้ร่วมกันกับโจทก์มีเจตนาทุจริตโอนเช็คพิพาทให้กับโจทก์เพื่อให้โจทก์ดำเนินการฟ้องจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีข้อตกลงกันว่าจะชำระเงินคืนภายในกำหนด ๔ เดือนนับแต่วันออกเช็ค โจทก์กับนายจี้ตง แซ่ซื้อ ได้สมคบกันเอาตรายางประทับเป็นวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ซึ่งมิใช่วันสั่งจ่ายอันแท้จริงขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การและแก้ไขเพิ่มเติมว่า ได้สลักหลังเช็คพิพาทจริง แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นการค้ำประกันเช็ค เป็นแต่เพียงรับรองลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑ เท่านั้น โจทก์ได้ผ่านระยะเวลาการชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๑ โดยไม่ได้รับความยินยอม ทำให้จำเลยที่ ๒ หลุดพ้นความรับผิด โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงและเช็คขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๔ จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ผู้สั้งจ่ายนำเช็คพิพาทซึ่งไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายไปและเงินสดจากนายจี้ตงและยอมเสียดอกเบี้ยให้โดยไม่มีกำหนดเวลาชำระต้นเงินคืน และจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระดอกเบี้ยตามสัญญา
วินิจฉัยว่า แม้เช็คพิพาทจะไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย ผู้ทรงเช็คก็มีสิทธิลงวันที่สั่งจ่ายได้ ปรากฏว่าเช็คพิพาทสั่งจ่ายวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ครบกำหนดแล้วนำไปขึ้นเงินไม่ได้โดยธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๑๔ โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๕ ซึ่งนับแต่วันเช็คครบกำหนดถึงวันที่โจทก์ฟ้องยังไม่พ้นเวลา ๑ ปีตามประประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๐๐๒ ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์นำเช็คสองฉบับเข้าบัญชีวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๑๔ ก่อนเช็คครบกำหนดถึง ๑ เดือน เป็นการแสดงว่าโจทก์สุจริตนั้น ข้อนี้เห็นว่า จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งมายกในชั้นฎีกานี้ จึงไม่วินิจฉัยให้
ปัญหาต่อไปที่ว่า โจทก์นำสืบภายหลังโดยได้ถามค้านพยานจำเลยไว้ ศาลรับฟังพยานโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยฟ้องให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค จึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ ดังนั้น แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายสืบภายหลัง โจทก์ก็มีสิทธินำสืบได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คมาจากนายชนะ สมิทธินันต์ เพราะเป็นการนำสืบตามประเด็นที่โจทก์ฟ้องและจำเลยต่อสู้ไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายให้ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๙ สำหรับปัญหาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบหรือไม่นั้น เมื่อปรากฏว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คเงินสดและจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ทรงคนเดิมมีสิทธิโอนต่อให้บุคคลอื่นได้ เมื่อโจทก์สืบได้ว่ามีผู้เอาเช็คพิพาทมาแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยมิได้นำสืบหักล้าง จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(สนิท บริรักษ์ สัญชัย สัจจวานิช แผ้ว ศิวะบวร)

Share