คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 16 อธิบดีกรมสรรพาสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือตัวแทนออกหนังสือสำคัญแบบส.1/42 สำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพาสามิต กำหนดไว้โดยถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตามมาตรา 14 การที่จำเลยซื้อเบียร์จำนวน 2,400 ขวดจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและผู้ได้รับใบอนุญาตได้ออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 ให้จำเลยโดยเขียนชื่อผู้ซื้อซึ่งจำเลยเป็นผู้บอกไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวจะมีตัวตนจริงหรือไม่ จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด ไม่มีผลให้หนังสือสำคัญดังกล่าวเป็นเสมือนหนึ่งใบอนุญาตขนสุรา จำเลยจึงมีความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493มาตรา 14,38 ทวิ และ พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2497(ฉบับที่ 2)มาตรา 8.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันขนสุรา (เบียร์ไทยตราสิงห์บรรจุขวด 2,400 ขวด) จำนวน 1,512 ลิตร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขนสุราจากเจ้าพนักงานสรรพสามิตกำกับไปกับสุราที่ขนด้วย ทั้งไม่เป็นกรณีที่สามารถขนได้โดยไม่ต้องรับใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 14, 38 ทวิ พระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 8 และคืนสุรา (เบียร์ไทยตราสิงห์2,400 ขวด) ให้เจ้าของ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 14, 38 ทวิ พระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2497 มาตรา 8 ให้ปรับคนละ 15,120 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางคืนแก่จำเลยไป
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2526 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันขนสุรา (เบียร์) 200 ลัง บรรจุขวด 2,400 ขวด จากอำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ไปส่งให้แก่นายพันธ์หรือนางกริบ นิลพันธ์ ที่ตลาดอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เมื่อเวลาประมาณ 16 นาฬิกา โดยมีใบอนุญาตขนสุราตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 กำกับไปกับสุราดังกล่าวด้วย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยคงมีว่า เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 เป็นใบอนุญาตขนสุราที่กำกับมากับสุราซึ่งจำเลยทั้งสามร่วมกันขนมาโดยชอบหรือไม่ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 16ได้กำหนดให้อธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 ออกหนังสือสำคัญสำหรับการขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดหนังสือสำคัญเช่นว่านี้ให้ถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราดังกล่าวในมาตรา 14 ตามเงื่อนไขนั้น ซึ่งต่อมาอธิบดีกรมสรรพสามิตก็ได้ออกประกาศกรมสรรพสามิตตามเอกสารหมาย จ.5 และ จ.6 มีใจความเกี่ยวกับการขนสุราที่ผลิตภายในประเทศ โดยอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือตัวแทนของผู้รับอนุญาตดังกล่าว มีอำนาจออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 และแบบ ส.1/42 ก.สำหรับขนสุราออกจากสถานที่เพื่อขายสุราของตนได้เฉพาะภายในเขตจังหวัดที่ตั้งร้านขายสุราของตนเท่านั้น หนังสือสำคัญทั้งสองแบบจะต้องนำไปประทับตราและลงลายมือชื่อหรือประทับตราลายมือชื่อของเจ้าพนักงานสรรพสามิตก่อน สำหรับหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 ก.ซึ่งใช้สำหรับการขนสุราเป็นจำนวนรวมโดยยังไม่ทราบว่าจะแยกส่งให้แก่ร้านขายปลีกแห่งใดเท่าใดนั้นไม่เกี่ยวกับคดีนี้ คงมีปัญหาเฉพาะแบบ ส.1/42 ซึ่งประกาศดังกล่าวระบุให้มีสามตอน ตอนกลางสำหรับใช้ควบคุมกำกับไปกับสุราที่ขน ตอนปลายให้รวบรวมส่งเจ้าพนักงานสรรพสามิตตรวจสอบในวันสิ้นเดือน ส่วนตอนต้นที่ติดต้นขั้วให้เก็บรักษาไว้เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตตรวจสอบเมื่อต้องการ เห็นว่าหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 นี้ ทางราชการกรมสรรพสามิตได้มอบให้แก่ผู้รับอนุญาตขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 เพื่อให้บุคคลดังกล่าวหรือตัวแทนมีอำนาจออกหนังสือสำคัญดังกล่าวสำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ และหนังสือสำคัญเช่นว่านี้ให้ถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุรา ดังนั้นการออกหนังสือสำคัญในแบบ ส.1/42 จะต้องกรอกข้อความตามความเป็นจริง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบของเจ้าพนักงานสรรพสามิตดังกล่าวข้างต้นจึงจะถือว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติสุราฯ มาตรา 16 อันจะมีผลให้หนังสือสำคัญนั้นถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตามมาตรา 14 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว นอกจากนั้นการที่ต้องกรอกข้อความในแบบ ส.1/42 ตามความเป็นจริง ยังเพื่อประโยชน์ของรัฐในการจัดเก็บภาษีสรรพากรดังคำเบิกความของนายเจริญ ปรพันธ์ พยานจำเลยซึ่งเป็นสรรพสามิตจังหวัดสงขลาด้วย ดังนั้นการที่จำเลยขนสุรา (เบียร์) จากอำเภอหาดใหญ่มาส่งให้นายพันธ์ นางกริบ นิลพันธ์ แต่ใบอนุญาตขนสุราตามแบบ ส.1/42เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 กลับระบุชื่อผู้ซื้อเป็นนายเส็งนายประสิทธิ์ นายวิชิตและนายมิตร ตามลำดับ โดยไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ที่ใด จะมีตัวตนจริงหรือไม่เช่นนี้ จึงถือไม่ได้ว่าใบอนุญาตดังกล่าวเป็นใบอนุญาตขนสุรา (เบียร์) ที่จำเลยทั้งสามขนมา และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซื้อเบียร์จำนวน 2,400 ขวดจากห้างหุ้นส่วนจำกัดปักษ์ใต้ทวีกิจ และนายณรงค์ได้ออกใบอนุญาตขนสุราโดยเขียนชื่อผู้ซื้อซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้บอกตามเอกสารหมายจ.1 ถึง จ.4 ดังที่จำเลยนำสืบ การกระทำดังกล่าวก็เป็นการกรอกข้อความในการออกหนังสือสำคัญในแบบ ส.1/42 ไม่ตรงกับความเป็นจริงถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด จึงไม่มีผลให้หนังสือสำคัญในแบบ ส.1/42 ตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4ถือเสมือนหนึ่งใบขนสุรา (เบียร์) ของกลางที่จำเลยทั้งสามร่วมกันขนมา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share