คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิในการได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2533 มาตรา 20 เป็นสิทธิทางแพ่งที่ผู้ประสบภัยจะได้รับเพื่อเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นโดยเจ้าของรถต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันภัยกับบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยและต้องเสียเบี้ยประกัน กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสำหรับจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัย ส่วนสิทธิของผู้ประกันตนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 เกิดจากการเป็นผู้ประกันตนและออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนตามมาตรา 46 สิทธิของผู้ประสบภัยและสิทธิของผู้ประกันตนจึงเป็นสิทธิตามกฎหมายต่างฉบับ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยและกองทุนประกันสังคมก็แตกต่างกัน การก่อให้เกิดสิทธิจากเบี้ยประกันภัยกับเงินสมทบและการจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิได้รับแตกต่างกันไปตามกฎหมายแต่ละฉบับ กฎหมายทั้งสองฉบับไม่มีบทบัญญัติมิให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินตามกฎหมายอื่นแล้วมารับค่าเสียหายเบื้องต้นหรือประโยชน์ทดแทนอีก
โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกันตนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชน เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ม. อันเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนด แม้โรงพยาบาล ม. เรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นค่าเสียหายเท่าที่จ่ายจริงจากบริษัท ว.ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ม. ได้รับจึงเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 4 แต่จำเลยยังมิได้ให้ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นค่าบริการทางการแพทย์ (ค่ารักษาพยาบาล) จากกองทุนประกันสังคม ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 58, 59 แล้ว จำเลยจึงต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 653/2548 และให้โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนสำหรับค่าบริการทางการแพทย์ (ค่ารักษาพยาบาล) เป็นจำนวนเงิน 11,190 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค 7 วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ส่วนสิทธิที่โจทก์จะได้รับประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์จากจำเลยเป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดยโจทก์ต้องเสียเบี้ยประกันภัยและส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามที่กฎหมายแต่ละฉบับบัญญัติไว้ เมื่อพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ไม่มีบทบัญญัติตัดสิทธิไม่ให้ผู้ได้รับเงินทดแทนตามกฎหมายอื่นมารับประโยชน์ทดแทนอีก และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 บัญญัติขึ้นเพื่อสงเคราะห์แก่ลูกจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งประสบอันตรายเจ็บป่วยทุพพลภาพ หรือตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ไม่ใช่เป็นการเปิดช่องให้มีการมุ่งแสวงหากำไรจากสิทธิที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์จากจำเลยตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีตามหนังสือที่ พบ 0025/03672 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2548 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 653/2548 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2548 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลของโจทก์ และให้จำเลยจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่โจทก์จำนวน 11,190 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้ประกันตนซึ่งมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยมีคุณสมบัติครบถ้วน จำเลยกำหนดให้โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีเป็นสถานพยาบาลเพื่อให้โจทก์ได้รับการบริการทางการแพทย์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2548 โจทก์ได้รับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ของโจทก์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของนายทุเรียน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ โจทก์เข้ารับการรักษาพยาบาลครั้งแรกที่โรงพยาบาลแก่งกระจานเสียค่ารักษาพยาบาลไปจำนวน 140 บาท แต่โจทก์ไม่ติดใจที่จะเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าว และในวันเดียวกันโจทก์เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรี โจทก์ทำการรักษาอยู่หลายครั้ง โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรี ออกใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลสองฉบับรวมเป็นเงิน 11,190 บาท เงินจำนวนดังกล่าวโรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีเรียกเก็บจากบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่โจทก์ทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยโจทก์ไม่ได้นำเงินของโจทก์มาชำระแก่โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีแต่อย่างใด โจทก์ยื่นคำร้องขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยต่อกองทุนประกันสังคม จำเลยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินจำนวน 11,190 บาท ตามที่โจทก์ยื่นขอไว้ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ คณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยที่ 653/2548 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2548 ยกอุทธรณ์ของโจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่โจทก์เข้ารับการรักษาพยาบาลโดยโรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนดให้โจทก์ได้รับการบริการทางการแพทย์เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 อีกหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุอันเกิดจากรถซึ่งไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหรือได้รับชดใช้ค่าเสียหายไม่คุ้มกับความเสียหายที่ได้รับจริงที่หากเรียกร้องโดยใช้สิทธิทางแพ่งจะต้องใช้เวลาดำเนินคดียาวนานให้ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายและได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นที่แน่นอนและทันท่วงที ค่าเสียหายเบื้องต้นที่ได้รับนั้นหมายความว่าค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการศพ รวมทั้งค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างอื่นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ซึ่งแตกต่างจากวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้แก่ลูกจ้างและผู้สมัครเข้าประกันตน (ตามมาตรา 39) รวมทั้งบุคคลในครอบครัวให้ได้รับการสงเคราะห์เมื่อลูกจ้างและผู้สมัครเข้าประกันตนต้องประสบอันตรายเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร ชราภาพ ว่างงาน รวมทั้งได้รับการสงเคราะห์บุตร อันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมมีความมั่นคงยิ่งขึ้น สิทธิของผู้ประสบภัยที่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เป็นไปตามมาตรา 20 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้ประสบภัยจากรถที่บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยเมื่อได้รับคำร้องขอจากผู้ประสบภัย มาตรา 22 บัญญัติให้การได้รับชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นตามมาตรา 20 ไม่ตัดสิทธิผู้ประสบภัยที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามมาตรา 25 วรรคสอง บัญญัติให้ถือว่าค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นสิทธิในการได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นนี้เป็นสิทธิทางแพ่งที่ผู้ประสบภัยจะได้รับเพื่อเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นโดยเจ้าของรถซึ่งใช้รถหรือมีรถไว้เพื่อใช้ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันภัยกับบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยและต้องเสียเบี้ยประกันภัย สำหรับกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสำหรับจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยโดยบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยเป็นผู้จ่ายเงินสมทบให้แก่กองทุนตามมาตรา 36 ส่วนสิทธิของผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เกิดขึ้นจากการเป็นผู้ประกันตนและออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีต่าง ๆ ตามมาตรา 46 สิทธิของผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และสิทธิของผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 จึงเป็นสิทธิตามกฎหมายแต่ละฉบับ มีวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนที่แตกต่างกัน การก่อให้เกิดสิทธิจากเบี้ยประกันภัยและเงินสมทบและการจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิได้รับก็ต่างกันไปตามกฎหมายแต่ละฉบับ ทั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ พ.ศ. 2535 และตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ก็ไม่ได้มีบทบัญญัติตัดสิทธิมิให้ผู้ที่ได้รับเงินตามกฎหมายอื่นแล้วมารับค่าเสียหายเบื้องต้นหรือประโยชน์ทดแทนอีก สิทธิได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นกับสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนจึงมิได้หมายความว่าเมื่อมีสิทธิได้รับตามกฎหมายฉบับหนึ่งแล้วจะไม่มีสิทธิได้รับตามกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าโจทก์เข้ารับการรักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนที่โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนดให้โจทก์ได้รับบริการทางการแพทย์ โดยโจทก์เป็นผู้ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 63 แต่เมื่อโรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีดำเนินการตามสัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ข้อ 12 ที่โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีทำกับจำเลยโดยเรียกเก็บเงินค่าเสียหายเท่าที่จ่ายจริงแทนโจทก์ในฐานะผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ค่ารักษาพยาบาลจำนวน 11,190 บาท ที่โรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรี ได้รับไปจึงเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ก่อความเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แม้ว่าโจทก์จะเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเมืองเพชร – ธนบุรีซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนดให้โจทก์รับบริการทางการแพทย์แต่จำเลยมิได้ให้ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นค่าบริการทางการแพทย์จากกองทุนประกันสังคม จึงจะถือว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 58 และมาตรา 59 มิได้ เมื่อจำเลยยังมิได้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์จำนวน 11,190 บาท จึงต้องจ่ายให้แก่โจทก์ ที่ศาลแรงงานภาค 7 พิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share