แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมิได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ แต่ออกเพื่อเป็นประกันเงินกู้ ป. โจทก์เป็นผู้ทรงโดยได้รับเช็คมาจาก ป. เช็คถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คดีที่ฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐาน ในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาหาจำเป็นต้องฟังตามไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาจันทบุรี ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายรวม ๒ ฉบับ จำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ฉบับหนึ่ง และ ๓๐,๐๐๐ บาทอีกฉบับหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับเช็ค ๒ ฉบับนั้นมาจากนางป้วยกุง โจทก์นำเช็คนั้นเข้าบัญชีแต่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ทั้งนี้โดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ขณะที่ออกเช็คนั้น เหตุเกิดที่แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร และที่ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๙๖
ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๙๖ ลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาในข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว จากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒ แต่ถ้าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาหาจำเป็นต้องฟังตามไม่
คดีนี้จำเลยนำสืบว่า จำเลยกู้เงินนางป้วยกุงหลายคราวโดยไม่เคยทำหลักฐานการกู้กันไว้เลย จำเลยออกเช็คพิพาทให้นางป้วยกุงเพื่อเป็นประกันเงินกู้โดยตกลงกันว่า เมื่อถึงกำหนดมีการใช้เงินกันแล้ว นางป้วยกุงก็จะคืนเช็คให้ นางป้วยกุงพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับเช็ครายพิพาทจากจำเลยก็เบิกความยอมรับว่าจำเลยจ่ายเช็คพิพาทให้นางป้วยกุง เพื่อเป็นประกันการกู้เงินจริง ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน
เมื่อพยานหลักฐานในสำนวนฟังได้ต้องกันทั้งสองฝ่ายว่า จำเลยออกเช็ครายพิพาทให้นางป้วยกุงเพื่อเป็นประกันเงินกู้ หาใช่เพื่อชำระหนี้ไม่ ดังนี้ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง