แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกู้ยืมเงินกว่า 50 บาทขึ้นไป ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมอันชอบด้วยกฎหมายไซร้ผู้ให้กู้จะเรียกเงินจากผู้กู้คืนในลักษณลาภมิควรได้หาได้ไม่ ให้การรับสารภาพภายหลังฟ้อง ไม่ใช่หลักฐานตามกฎหมายที่จะพิศูจน์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 750 บาท แต่เอกสารกู้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือ มีพะยานลงลายมือชื่อรับรองแต่คนเดียว (คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างใช้ประมวลแพ่ง ฯ บรรพ 3 ซึ่งให้ใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2468 ) ขอเรียกเงินฐานลาภมิควรได้ จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาจริง แต่สัญญาเปนโมฆะ
ศาลเดิมตัดสินว่าให้จำเลยคืนเงิน 750 บาทให้โจทก์ กับให้เสียดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ตามประมวลแพ่ง ม.406
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีไม่เข้า ม.406 แต่เห็นว่าจำเลยรับอยู่แล้วว่าได้พิมพ์นิ้วมือในหนังสือกู้จริง ซึ่งไม่จำเปนต้องให้ใครรับรองอีก ฟังได้เสมือนว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้แล้ว จึงตัดสินให้บังคับคดีตามศาลเดิม
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลไม่ควรรับฟ้องโจทก์มาแต่ต้น เพราะโจทก์ไม่มีหลักฐานบริบูรณ์พิศูจน์กับเห็นพ้องด้วยข้องวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่า กรณีนี้ไม่เข้าลักษณลาภมิควรได้ และไม่มีเหตุที่จะให้โจทก์ชนะคดีโดยที่จำเลยให้การรับว่าได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้จริง เพราะคำรับนี้มีขึ้นภายหลังโจทก์ฟ้องคดีแล้ว จึงตัดสินให้ยกคำตัดสินศาลอุทธรณ์และยกฟ้องโจทก์เสีย