แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ย. พยานโจทก์ทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะอธิการบดีของโจทก์รู้ถึงความตายของ ว. ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน2527 ทั้งยังปรากฏว่ารองอธิการบดีของโจทก์ ในฐานะผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีของโจทก์ได้มีหนังสือถึงราชเลขาธิการขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ศพของ ว.เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2528 แสดงว่าโจทก์รู้ถึงการตายของว. อย่างช้าเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2528 โจทก์ฟ้องทายาทของว.ให้ชำระหนี้ของว. เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2529 พ้นกำหนด 1ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของ ว. ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นกรมในทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ มีนายยรรยง สิทธิชัย เป็นอธิการบดีผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม 2520 ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2526ขณะที่นายวิภาต บุญศรี วังซ้าย ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของโจทก์ได้ยืมเงินทดรองปฏิบัติราชการไปจากโจทก์จำนวน 92 ครั้ง เป็นเงิน375,925 บาท ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2527 นายวิภาตได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้เงินยืมจำนวน 321,505.01 บาทไว้ต่อโจทก์ หลังจากทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้วไม่เคยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์เลยต่อมาวันที่ 23 มกราคม 2528 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาของนายวิภาตจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นบุตรของนายวิภาต ได้ยื่นแบบฟอร์มบำเหน็จของนายวิภาตต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ว่านายวิภาตถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2527 โจทก์จึงทราบว่านายวิภาตถึงแก่ความตายและรู้ตัวทายาทของผู้ตายในวันดังกล่าว จำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของนายวิภาตจึงต้องชำระหนี้เงินยืมทดรองปฏิบัติราชการจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งห้าแล้วแต่จำเลยทั้งห้าเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน321,505.01 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งห้าให้การว่า โจทก์ได้ทราบวันถึงแก่ความตายของนายวิภาต บุญศรี วังซ้ายแล้วตั้งแต่วันที่นายวิภาตถึงแก่ความตายคดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้อง นายวิภาตมิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 2 ปาก เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือและพยานจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์รู้ถึงความตายของนายวิภาต บุญศรี วังซ้าย ก่อนฟ้องคดีนี้เกินกว่า 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้แน่ชัดว่า นายวิภาตบุญศรี วังซ้าย ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2527 นายยรรยงสิทธิชัย เบิกความรับว่า พยานไปร่วมพิธีสวดศพของนายวิภาตเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2527 หลังจากนายวิภาตถึงแก่กรรมประมาณ 2-3 วันขณะที่พยานดำรงตำแหน่งอธิการบดีของโจทก์ จึงฟังได้ว่าพยานรู้ถึงความตายของนายวิภาต เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2527 เมื่อพยานเป็นอธิการบดีของโจทก์ในขณะที่พยานรู้ถึงความตายของนายวิภาต แม้พยานจะอ้างว่าพยานไปในพิธีศพในฐานะส่วนตัวก็ตามจะฟังว่าพยานในฐานะส่วนตัวรู้ถึงความตายของนายวิภาตในวันดังกล่าว แต่พยานในฐานะอธิการบดีของโจทก์ไม่รู้ถึงความตายของนายวิภาตในวันดังกล่าวย่อมขัดต่อความเป็นจริง กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า พยานทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะอธิการบดีของโจทก์รู้ถึงความตายของนายวิภาตตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2527 จึงฟังได้ว่าโจทก์รู้ถึงความตายของนายวิภาตเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2527 นอกจากนี้ยังได้ความจากนายสุภร เกตุวราภรณ์ พยานโจทก์อีกปากหนึ่งซึ่งเป็นรองอธิการบดีของโจทก์ว่า พยานในฐานะผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีของโจทก์ได้มีหนังสือถึงราชเลขาธิการขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ศพของนายวิภาต เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2528 ปรากฏตามสำเนาหนังสือเอกสารหมาย ล.7 ซึ่งชี้ให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรว่า โจทก์รู้ถึงความตายของนายวิภาตอย่างช้าเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2529 พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของนายวิภาต ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน