คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้ติดต่อว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ทำการขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ลงสู่เรือเล็ก โดยจำเลยเป็นผู้แจ้งให้ผู้ขนถ่ายทราบว่าเป็นเรือลำไหนและจอดที่ใดจำเลยเป็นผู้ชำระค่าจ้างให้ห้าง ส.และหากห้างส. พบความเสียหายของสินค้าที่ขนส่งจะแจ้งความเสียหายให้จำเลยทราบ จำเลยเป็นผู้เช่าเครื่องมือในการขนถ่ายสินค้าขึ้นลงจากเรือและชำระค่าเช่าให้แก่การท่าเรือ ฯจำเลยเป็นผู้ยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่า แจ้งข่าวการมาถึงของเรือให้ผู้ซื้อและกรมศุลกากรทราบ เมื่อผู้ซื้อนำใบตราส่งมาที่บริษัทจำเลย จำเลยจะออกใบปล่อยสินค้าให้ ซึ่งจำเลยได้ดำเนินการดังกล่าวเฉพาะในประเทศไทยโดยได้รับมอบหมายจากบริษัท ด. ผู้ขนส่งทุกครั้งไป ดังนี้พฤติการณ์ของจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการขนส่งทอดสุดท้ายขึ้นลงจากเรือไปส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ขนส่งตาม ป.พ.พ. มาตรา608 ส่วนการกล่าวอ้างเอกสารที่ระบุข้อความว่าจำเลยเป็นตัวแทน หรือจำเลยอ้างว่าเป็นตัวแทนก็เป็นเรื่องของจำเลยเองในการดำเนิน การค้าระหว่างผู้ขนส่งกับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จตอบแทนตามอัตราทาง การค้าปกติของตน หามีผลทำให้ฐานะของจำเลยที่เป็นผู้ขนส่งเปลี่ยนแปลงไปไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ.เจริญกิจเทรดดิ้ง และบริษัทวสุศิริ จำกัด ได้สั่งซื้อสินค้ากระดาษหนังสือพิมพ์จากบริษัทผู้ขายในประเทศสวีเดน รวม 3 ครั้ง โดยว่าจ้างบริษัทดีเอสอาร์ไลน์สจำกัด เป็นผู้เป็นผู้ขนส่งสินค้ามายังประเทศไทยทางทะเลและเอาประกันภัยสินค้าดังกล่าวไว้กับโจทก์ เมื่อเรือเข้าเทียบท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปรากฏว่ากระดาษหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเปียกน้ำและฉีกขาดเสียหาย บริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัด ผู้ขนส่งทอดแรกไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทยได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ร่วมขนส่งอีกทอดหนึ่งโดยจำเลยได้รับบำเหน็จตอบแทนตามอัตราในทางการค้าปกติของตน โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ.เจริญกิจเทรดดิ้ง และบริษัทวสุศิริจำกัด ไปรวมเป็นเงิน 269,393.88 บาทจึงรับช่วงสิทธิทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย แต่จำเลยไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าทั้งในและนอกประเทศ บริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัด ไม่เคยว่าจ้างจำเลยให้เข้าร่วมทำการขนส่งสินค้าทางทะเลเพื่อส่งมอบสินค้าให้แก่บริษัทผู้ซื้อสินค้า การขนส่งทางทะเลเริ่มจากท่าเรือของประเทศผู้ขายสินค้ามาสิ้นสุดลงที่ท่าเรือแห่งประเทศไทย ดังนั้น เมื่อเรือของบริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัดได้ขนส่งสินค้าและนำเรือเข้าเทียบท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้วถือว่าการขนส่งสินค้าทางทะเลได้สิ้นสุดลงแล้ว จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัดโดยทำหน้าที่ในลักษณะการให้บริการแก่เรือในลักษณะที่เป็นตัวแทนมิได้กระทำการรับขนส่งเอง ความเสียหายของสินค้าเกิดจากความผิดของผู้ขายสินค้าที่บรรจุหีบห่อไม่เรียบร้อยไม่ได้มาตรฐานของการขนส่งทางทะเล ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 269,393.88บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในประเด็นที่ว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายหรือเป็นตัวแทนหรือไม่นั้น จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ร่วมเป็นผู้ขนส่งทางทะเลกับบริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัด จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายเนาวรัตน์ อรวรรณนุกูล พนักงานบริษัทจำเลยตอบทนายโจทก์ถามค้านว่าการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือจำเลยได้ติดต่อว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามริเวอร์เชอร์วิส ซึ่งเป็นผู้รับจ้างขนถ่ายสินค้ามาทำการขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ลงสู่เรือเล็ก โดยจำเลยจะเป็นผู้แจ้งให้ผู้ขนถ่ายทราบว่าเป็นเรือใดลำไหนและจอดที่ใด จำเลยเป็นผู้ชำระค่าจ้างให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามริเวอร์เซอร์วิส และหากห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามริเวอร์เซอร์วิส พบความเสียหาย จะแจ้งความเสียหายให้จำเลยทราบ สำหรับความเสียหายที่เกิดกรณีพิพาทนี้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามริเวอร์เซอร์วิสแจ้งให้บริษัทจำเลยทราบแล้วโดยส่งหลักฐานเอกสารหมาย จ.12 และ จ.13 ไปให้ทราบ ทั้งจำเลยยังเป็นผู้เช่าเครื่องมือในการขนถ่ายสินค้าขึ้นลงจากเรือและชำระค่าเช่าให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทยด้วยตามเอกสารหมาย จ.30 ถึงจ. 32 นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยเป็นผู้ยื่นคำร้องขอนำเรือของบริษัทดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัด เข้าเทียบท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย แจ้งข่าวการมาถึงของเรือให้ผู้ซื้อและกรมศุลกากรทราบ เมื่อผู้ซื้อนำใบตราส่งมาที่บริษัทจำเลย จำเลยจะออกใบปล่อยสินค้าให้ ซึ่งบริษัทจำเลยได้ดำเนินการดังกล่าวเฉพาะในประเทศไทย โดยได้รับมอบหมายจากบริษัท ดีเอสอาร์ไลน์ส จำกัดทุกครั้งไป พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ว่า จำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการขนส่งทอดสุดท้ายขึ้นลงจากเรือไปส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608 แล้วจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ส่วนการกล่าวอ้างเอกสารที่ระบุข้อความว่าจำเลยเป็นตัวแทน หรือจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นตัวแทนก็เป็นเรื่องของจำเลยเองในการดำเนินการค้าระหว่างผู้ขนส่งกับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จตอบแทนตามอัตราทางการค้าปกติของตน หามีผลทำให้ฐานะของจำเลยที่เป็นผู้ขนส่งเปลี่ยนแปลงไปไม่…”
พิพากษายืน

Share