คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานหลังเกิดเหตุเป็นเวลาเดือนเศษ และแม้จะไม่ให้การเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลจำเลยก็เบิกความรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงเวลาเกิดเหตุ เพียงแต่ปฏิเสธว่ามิใช่เป็นคนยิงเท่านั้น การมอบตัวและเบิกความดังกล่าวเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต ข้อห้าอื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยยกขึ้นฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ศาลควรลงโทษให้เบาลงเพราะจำเลยอายุยังน้อยเพื่อให้จำเลยมีโอกาสต่อไปในอนาคตและควรลดโทษให้จำเลย เนื่องจากจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ข้อนี้เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วางโทษจำเลยเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว แต่เห็นว่าจำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานหลังเกิดเหตุเป็นเวลาเดือนเศษ และแม้จะไม่ให้การเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในชั้นสอบสวนแต่ในชั้นศาลจำเลยก็เบิกความรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงเวลาเกิดเหตุ เพียงแต่ปฏิเสธว่ามิใช่เป็นคนยิงเท่านั้น การมอบตัวและเบิกความดังกล่าวจึงเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้จำเลลย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ปรานีลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกไว้มีกำหนด 33 ปี 4 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share