คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กาย หรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๙ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้บังอาจชิงทรัพย์นกเขา ๑ ตัว ราคา ๒๐๐ บาท และกรงนกเขา ๑ กรง ราคา ๑๐ บาท รวมราคา ๒๑๐ บาทของนายบุญมา เพ็งพล ผู้เสียกายซึ่งอยู่ในความดูแลของนางสาวดำ เพ็งพล ไปโดยจำเลยขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายและใช้กำลังประทุษร้ายนางสาวดำ เพื่อให้ความสะดวกแก่การชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ พ.ศ.๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๑๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) จำคุก ๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๑๐ บาทแก่ผู้เสียหลาย คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒ คือจำเลยได้ขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหาย นางสาวดำเห็นจำเลยปลดเอากรงนกเขาจึงเข้าแย่งกรงแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนก-เขาของผู้เสียหายไปได้ ข้อเท็จจริงเช่นนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยได้ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังกายประทุษร้ายนางสาวดำด้วย โดยเฉพาะการใช้กำลังแย่งเอาทรัพย์ไปก็ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุให้นางสาวดำอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๖) การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ พ.ศ.๒๕๑๔ ข้อ ๑๔
พิพากษายืน.

Share