คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตามคำฟ้อง คำให้การ และคำแถลงรับของคู่ความมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้คู่ความสืบพยานต่อไปอีก ศาลก็ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสียได้
การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน หมายถึงการที่นายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานไม่ว่ากระทำด้วยวิธีใด โดยทำให้สภาพของการเป็นนายจ้างและลูกจ้างหมดไป การพักงานที่เป็นเพียงจำเลยให้โจทก์หยุดทำงานชั่วคราว สภาพของการเป็นลูกจ้างและนายจ้างยังคงมีอยู่ต่อไปโดยจำเลยยังมิได้แสดงเจตนาเลิกจ้างนั้น หาเป็นการเลิกจ้างตามประกาศดังกล่าวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เนื่องจากโจทก์ถูกฟ้องคดีอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์ของจำเลยโจทก์ถือว่าการที่จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์ดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างโจทก์แล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหาย และเงินสะสมเป็นเงิน ๓๓๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยยังมิได้เลิกจ้างโจทก์ จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า บริษัทจำเลยตรวจสอบพบว่า เงินสดของสาขาหายไปเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทเศษ จำเลยได้แจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการก็ได้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ จำเลยจึงสั่งพักงานโจทก์ตามคำสั่งของจำเลยเอกสารท้ายฟ้อง ต่อมาศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ และคดียังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้นำคดีมาฟ้องที่ศาลแรงงานกลาง ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย โจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลแรงงานกลางไว้ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ประการแรกว่าที่ศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์โดยเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีพอวินิจฉัยได้แล้วว่า โจทก์เห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวยังไม่ชัดเจนพอ เนื่องจากถึงแม้ว่าจำเลยจะอ้างว่ามิได้เลิกจ้าง เพียงแต่สั่งพักงานโจทก์จนกว่าคดีจะถึงที่สุดเท่านั้น ข้อเท็จจริงเพียงเท่าที่ปรากฏในคดียังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัย เนื่องจากยังมีข้อเท็จจริงอื่น ๆ ประกอบอีกที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว มิใช่เป็นเรื่องพักงานโจทก์นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์คำฟ้อง คำให้การประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี และคำแถลงรับของคู่ความดังกล่าวแล้ว เห็นว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้แล้วโดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้คู่ความสืบพยานต่อไปอีกดังนั้นที่ศาลแรงงานกลางสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสียจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์อุทธรณ์ข้อต่อไปว่า การที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์แล้วนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน หมายถึงการที่นายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานไม่ว่ากระทำด้วยวิธีใดโดยทำให้สภาพการเป็นนายจ้างและลูกจ้างหมดไป แต่การพักงานในคดีนี้เป็นเพียงแต่จำเลยให้โจทก์หยุดทำงานเพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนสภาพของการเป็นลูกจ้างและนายจ้างยังคงมีอยู่ต่อไป โดยจำเลยยังหาได้แสดงเจตนาเลิกจ้างไม่ การพักงานจึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างตามความหมายแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๕ ข้อ ๔๖ แต่อย่างใด อุทธรณ์โจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share