คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยได้ไถ และฟื้นดินในถนนหลวงซึ่งอยู่ในตำบลตะเครียะ อำเภอระโนต จังหวัดสงขลา ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว
จำเลยให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุมนั้น ต้องกล่าวให้ชัดว่าเคลือบคลุมข้อไหน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจสมคบกันไถดิน และฟื้นดินในถนนหลวงที่สาธารณะชนใช้สัญจรไปมา กระทำให้เดือดร้อนขัดข้องแก่การทำมาหากินของชนทั่วไป โดยมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลตะเครียะ อำเภอระโนต จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษจำเลยให้การปฏิเสธและตัดฟ้องว่าฟ้องเคลือบคลุมและโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องข้อ ๑ ว่า “ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านที่ ๘ ตำบลตะเครียะและอยู่ทางทิศตะวันออกคลองบ้านพราน ทิศใต้คูนา ทิศเหนือแต่ที่ดินของนายแดง พ่อตานายลัพท์จำเลยซึ่งลงหลังข้อความว่า “ถนนหลวงและหน้าแต่ที่สาธารณะ” จำเลยคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต แล้วพิพากษาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ แล้วดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามความในฟ้องพอให้เข้าใจได้แล้วว่า โจทก์หาว่าจำเลยไถ และฟื้นดินในถนนหลวงซึ่งอยู่ในตำบลตะเครียะ อำเภอระโนต จังหวัดสงขลา จำเลยให้การว่าฟ้องเคลือบคลุม ไม่ได้กล่าวให้ชัดว่าเคลือบคลุมในข้อไหน รูปคดีไม่มีทางที่จำเลยจะหลงข้อต่อสู้กันแต่อย่างใด ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ แล้ว
พิพากษายืน

Share