คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ ว.คบคิดกันมาลักทรัพย์เท่านั้นจำเลยไม่รู้ว่าว.จะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เมื่อจำเลยมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่ ว.ประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์คงมีความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับนายวิเชียร ม่วงเช่น ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,080 บาท แก่ผู้เสียหาย ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7)(8), 83 ให้จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยร่วมคืนหรือใช้ราคาทรัพย์1,080 บาทแก่ผู้เสียหาย คำขอนับโทษต่อให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์หรือไม่ โดยฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า คนร้ายขึ้นบ้านผู้เสียหายในลักษณะย่องเบา ไม่ประสงค์จะใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย แต่บังเอิญผู้เสียหายยังตื่นอยู่ ใช้ไฟฉายส่องไปยังคนร้ายซึ่งเป็นนายวิเชียร นายวิเชียรจึงโถมเข้ากดคอผู้เสียหาย ดังนี้น่าเชื่อว่าคนร้ายคบคิดกันมาเพื่อลักทรัพย์เท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้ว่า นายวิเชียรจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่นายวิเชียรประทุษร้ายผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(8) เท่านั้น

พิพากษายืน

Share