แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเพิ่มโทษอีกหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 นั้น จะต้องกำหนดโทษที่จะลงเสียก่อนแล้วจึงเพิ่มโทษ หลังจากนั้นจึงจะลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54
คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษาเพียงลงโทษปรับสถานเดียว จึงไม่อาจเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ได้ และปัญหานี้เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีจึงมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2534 มาตรา 4, 108, 110 และ 115 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33,83 และ 92 ริบของกลางทั้งหมดและเพิ่มโทษจำเลยที่ 2
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 รับข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 110(1) ประกอบมาตรา 108 ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 6 เดือน และปรับ30,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือนและปรับ 15,000 บาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวต่อไป โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ริบของกลาง ในส่วนของจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกและกระทำความผิดภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ ให้เพิ่มโทษหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ลงโทษจำคุก 4 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 2 เดือน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 2 สถานเบาหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าหรือปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายขึ้นเอง สินค้าของกลางก็มีเพียงรองเท้ากีฬาจำนวน64 คู่ สนับแข้งจำนวน 95 คู่ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมมานานแล้ว หรือเป็นผู้จำหน่ายรายใหญ่ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 โดยมิได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 2 เสียก่อน กลับให้เพิ่มโทษหนึ่งในสาม ลงโทษจำคุก 4 เดือน จึงไม่ชอบและหนักเกินไป เห็นสมควรแก้ไขกำหนดโทษสำหรับจำเลยที่ 2 เสียใหม่ให้เหมาะสมแก่สภาพและพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 โดยวางโทษก่อนลด ให้ปรับเพียงสถานเดียวจำนวน 20,000 บาท อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์แต่จำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดตามฟ้องกับจำเลยที่ 2ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้ไขโทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 45 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
อนึ่ง เมื่อโทษสำหรับ จำเลยที่ 2 เป็นโทษปรับสถานเดียวดังได้วินิจฉัยข้างต้นแล้วแม้จำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกและได้กระทำความผิดในคดีนี้อีกภายในเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษก็ตาม แต่ก็ไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 อีกหนึ่งในสามได้ เพราะศาลมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ถึงจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองโดยปรับแต่เพียงสถานเดียวจำนวน20,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 10,000 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง