แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินพิพาทได้ออกโฉนดเป็นของ บ. บุคคลภายนอก ไปแล้ว โดยโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้บ. ว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินมี ส.ค.1 จากจำเลย สัญญาว่าจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับโฉนดหรือตราจอง ต่อมาจำเลยได้ออกโฉนดแล้วแต่ไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า สัญญาจะซื้อขายได้เลิกแล้วต่อกันและคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นที่ดินมือเปล่า ต่อมาได้ออกโฉนดเป็นของนายบรรจงไป และนายบรรจงได้ครอบครองโดยปลูกบ้านอยู่มา 2 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบรับกันฟังได้ว่าที่ดินพิพาทได้ออกโฉนดเป็นของนายบรรจงไปแล้ว ตามฟ้องโจทก์ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่โอนให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา และหากจำเลยไม่ส่งโฉนด ขอให้สั่งเจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนด โดยโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้นายบรรจงว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี
พิพากษายืน